เสียงสอง คำที่ใช้เรียกลักษณะการดัดเสียงให้ฟังดูนุ่มนวลลง เหมือนเด็ก แอ๊บแบ๊วหน่อยๆ หลายๆ คนเมื่อเห็นคนดัดเสียงพูดเป็นเสียงสองอาจจะเกิดความหมั่นไส้นิดหน่อย แต่การพูดเสียงสองนี้สามารถบ่งบอกอารมณ์ของผู้พูดและยังแสดงถึงความสัมพันธ์ของคู่สนทนาได้ดี ซึ่งในประเด็นนี้มีงานวิจัยออกมาด้วยล่ะ ว่าการใช้เสียงสองบ้างในชีวิตประจำวันกับคนรักจะทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เสียงสองทำให้คู่รักมีความสุขมากขึ้น
จากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง นักวิจัยได้สำรวจจากผู้เข้าร่วมที่ใช้เสียงสองในหลายๆ สถานการณ์ ผลปรากฎว่าการสนทนาที่เจือด้วยนั้นจะมีความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่ออยู่กับคนรัก ซึ่งชี้ชัดได้ว่าสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นได้ ดังนั้นหากอยากเสริมสร้างความผูกพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างคู่รัก ก็ลองฝึกพูดเสียงสองบ่อยๆ ดูสิ
ลองตั้งชื่อเล่นแบ๊วๆ ให้กัน
การตั้งชื่อเล่นให้กันระหว่างคู่รักทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น อย่างเช่น คัพเค้ก, ฮันนี่, เบ๊บ, ฯลฯ สุดแล้วแต่คุณจะตั้ง การตั้งชื่อเล่นแบบแบ๊วๆ ให้กันนั้นบ่งบอกถึงความพึงพอใจที่มากขึ้นระหว่างคู่รัก สำหรับบางคนอาจมองเป็นเรื่องงี่เง่าหรือปัญญาอ่อน แต่เชื่อเหอะสำหรับหลายคู่การตั้งชื่อเล่นแบบนี้มีบทบาทสำคัญของความสัมพันธ์มากนะ
ความแบ๊วทำให้ได้รับความเอ็นดู
เมื่อเราโตขึ้น แน่นอนว่าเราจะสูญเสียความน่าเอ็นดูแบบเด็กๆ ไปจนหมด เช่น ดวงตากลมโต แก้มยุ้ยๆ น่าหยิก น่ารักน่าชังเป็นที่รักของคนรอบกาย แต่ถึงอย่างนั้นนักวิจัยบอกว่าเราสามารถเรียกความเอ็นดูจากอีกฝ่ายมาได้ง่ายๆ เช่น ความซุ่มซ่าม ความขี้เล่น อาการเหล่านี้สามารถสร้างความน่าเอ็นดูให้ระหว่างคู่รักได้ ดังนั้นการใช้เสียงสองก็สามารถเรียกร้องความเอ็นดูและการอยากดูแลได้แน่นอน
เสียงสองสร้างความมั่นใจและภักดี
อีกหนึ่งเหตุผลข้อดีของการใช้เสียงสองคือ การสร้างความผ่อนคลายที่มากขึ้นสำหรับฝ่ายหญิงถ้าหากฝ่ายชายเป็นผู้ใช้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่มองเรื่องความซื่อสัตย์ของคนรักเป็นอันดับต้นๆ จะยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้ว การเสริมสร้างความรักระหว่างคู่รักนั้นมีได้หลายรูปแบบรวมถึงการใช้คำพูดแบ๊วๆ แบบนี้ด้วย อย่าสนใจความเห็นจากคนนอก เข้าใจอยู่ว่าการกระทำเหล่านี้อาจสร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างอื่นๆ ได้ แต่สำหรับคุ๋รักมันเป็นวิธีหนึ่งที่ดีเลยล่ะในการพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น