หลายคนคงเป็นที่เวลามีแฟนก็มักจะมีฉายาเรียกแทนกันเฉพาะคู่ตัวเอง หรือไม่ก็ช่วยเพิ่มความน่ารักที่รู้กันแค่สองคน เพิ่มความโรแมนติกเวลาเรียกชื่อกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นฉายาไหน มันก็สามารถบ่งบอกความสัมพันธ์ของความรักคุณได้ทั้งนั้น และวันนี้ GangBeauty จะม่เปิดเผยเรื่องราวที่แอบแฝงมากับคำแทนชื่อ ส่วนคู่คุณนั้นเรียกแบบไหน ก็ตามไปเช็คดูกันได้เลยจ้า..
เรา – แก
สำหรับคู่รักที่เรียกแทนตัวเองว่า “เรา” และเรียกอีกฝ่ายหนึ่งว่า “แก” น่าจะมาจากการเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นแฟนกันในที่สุด แต่ทว่ายังคงทำตัวแบบเดิมๆ เหมือนเป็นเพื่อนกัน และติดคำที่ใช้เรียกกันว่า เรา-แก แม้จะเป็นแฟนกันแล้วก็ตาม แหม…เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี อยู่ๆ จะให้เปลี่ยนเป็น เค้า-ตะเอง ก็ดูทะแม่งๆ เนอะ
ฉัน – เธอ
คู่รักที่เรียกกันว่า ฉัน-เธอ ให้ความรู้สึกเหมือนการเป็นเพื่อนกันมากกว่าคู่รักทั่วไป ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันมานมนานอย่างที่เรียก เรา-แก แต่ให้ความรู้สึกว่าหลังคบกันเป็นแฟนแล้วก็ยังแฝงความเป็นเพื่อนรวมอยู่ด้วย ซึ่งความรักที่ยังคงรักษาความเป็นเพื่อนไปด้วยนั้น ถือเป็นความรักที่หายากและมักจะยาวนานค่ะ
อ้วนเหม่ง – หยิกดำ
อาจจะดูใจร้ายไปสักนิดหากจะเรียกใครสักคนตามเอกลักษณ์ประจำตัวของคนนั้น เช่น อ้วน, ดำ, หยิก, เหม่ง ฯลฯ แต่สำหรับคู่รักแล้วมันจะดูเป็นเรื่องกุ๊กกิ๊กทันทีเวลาที่คนรักเรียกเราในแบบที่เราเป็น ทั้งยังบอกเป็นอีกนัยหนึ่งว่า ถึงเธอจะอ้วน-ดำ ยังไงเราก็รักเธอนะ อิอิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรเรียกเมื่ออยู่กันสองต่อสองดีกว่าเนอะ ขืนตะโกนลั่นเรียกแฟนว่า “อ้วนเหม่ง” หรือ “หยิกดำ” ในที่สาธารณะอาจทำให้อีกฝ่ายโกรธมากกว่ากุ๊กกิ๊กนะจ๊ะ
ที่รัก – ดาร์ลิ้ง
เรียกว่ากำลังหวานชื่นสำหรับข้าวใหม่ปลามันหรือคู่รักที่ผ่านการใช้ชีวิตคู่มาเนิ่นนาน แต่ไม่อยากให้ความโรแมนติกครั้งรักกันใหม่ๆ หมดไป คู่รักบางคู่จึงเรียกกันว่า ที่รัก-ดาร์ลิ้ง ช่างน่าอิจฉาจริงๆ เนอะ ที่ไม่ว่าจะคู่รักข้าวใหม่ปลามันหรือคู่รักที่แต่งงานกันมานาน แต่ยังคงเรียกกันและกันว่า ที่รัก-ดาร์ลิ้ง ตลอดๆ
มีมี่ – มูมู่
อาจเป็นศัพท์วัยรุ่นมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งไปสักหน่อย สำหรับคู่รักที่เรียกกันว่า มีมี่-มูมู่ ซึ่งก็แน่แหละค่ะ ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าศัพท์นี้ท่านได้แต่ใดมา แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคู่รักเรียกกันเราก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้เนอะ และไม่ว่าความหมายของ มีมี่-มูมู่ จะแปลว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับยามที่เรียกกันด้วยความรักและเอ็นดูหรอก…จริงไหมล่ะ มีมี่-มูมู่ ทั้งหลาย
พี่สาว – น้องชาย
อย่าตกใจเวลาที่ได้ยินใครเรียกกันว่า พี่สาว-น้องชาย แต่พอหันไปมอง กลับดูสนิทสนมกันเกินพี่น้อง นั่นก็เป็นเพราะว่านี่เป็นอีกหนึ่งคำยอดฮิตของคู่รักเค้าล่ะ แต่คำว่า พี่สาว ในที่นี้ก็หมายถึง ผู้หญิงที่คอยดูแลใส่ใจแฟนที่บางครั้งเหมือนพี่สาวมากกว่าแฟนเสียอีก ส่วน น้องชาย ก็หมายถึง ผู้ชายที่ออดอ้อนให้ผู้หญิงดูแลในบางเรื่องยังไงล่ะคะ ถือเป็นคู่รักที่น่ารักไปอีกแบบ
พี่หมา – น้องแมว
สำหรับคู่รักบางคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา เปรียบเสมือนหมากับแมวที่อยู่ด้วยกันนั่นเอง ซึ่งจะว่าไปคำว่า พี่หมา ก็หมายถึงผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำและคอยปกป้องน้องแมวนั่นเอง ส่วน น้องแมว ก็หมายถึงผู้หญิงที่ชอบออดอ้อนแต่แฝงไปด้วยความดื้อรั้น จนบางครั้งทำเอาพี่หมาถึงกับตึ๊บเลย หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายชอบสัตว์เลี้ยงอย่างหมาและแมว จึงนำไปใช้เป็นชื่อเรียกแทนกันและกันค่ะ
ตะเอง – เค้า
ดูเหมือนคำว่า ตะเอง-เค้า จะเป็นคำยอดฮิตอันดับต้นๆ ของคู่รักเลย ที่ไม่ว่าจะเพิ่งคบกันหรือคบกันมานาน คำว่า ตะเอง-เค้า ก็ยังพูดได้ตลอด โดยฝ่ายหนึ่งจะเรียกแทนตัวเองว่า “เค้า” และเรียกอีกฝ่ายหนึ่งว่า “ตะเอง” แหม…เรียกว่าถ้าไม่ใช่คนรักกัน คงมีสับสนบ้างแหละนะ อิอิ
พี่ชาย – น้องสาว
คู่รักที่เรียกกันว่า พี่ชาย-น้องสาว ก็ตรงข้ามกับคู่รักที่เรียกกันว่า พี่สาว-น้องชาย นั่นแหละค่ะ เพราะหากผู้หญิงที่เรียกแฟนตัวเองว่า พี่ชาย นั่นก็เป็นเพราะผู้ชายคอยดูแลเอาใจใส่ คอยหวงและห่วงผู้หญิงนั่นเอง ส่วนผู้ชายที่เรียกแฟนตัวเองว่า น้องสาว นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเอ็นดูและอยากจะดูแลปกป้องแฟนของตัวเองยังไงล่ะ ถึงจะรักกันแบบหนุ่มสาว แต่ถ้าประกอบไปด้วยความรักแบบพี่น้องที่คอยห่วงใยใส่ใจกันก็น่ารักดีนะ
อาตี๋ – อาหมวย
หากคู่รักเรียกกันว่า อาตี๋-อาหมวย แล้วละก็ แน่นอนเลยว่าคุณสมบัติเด่นๆ ของกันและกัน นั่นก็คือ ตาตี่ ผิวขาว ตามแบบฉบับอาตี๋-อาหมวย เชื้อสายจีนยังไงล่ะ ซึ่งอาจจะอยู่ในเลเวลเพิ่งคบกันหรือคบกันมานานแต่ยังไม่แต่งงานค่ะ
พี่หมี – น้องหมู
ถือเป็นอีกคำที่บ่องบอกลักษณะของกันและกันเลยสำหรับคำว่า พี่หมี-น้องหมู ที่การันตีได้แน่ว่าทั้งสองคนเอ็นจอยกับการกินทั้งคู่ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็มักจะพากันไปหาของอร่อยๆ หรือไม่ก็ช่วยกันทำอาหารกินเอง ก็ถือเป็นอีกโมเมนต์สุดโรแมนติกของ พี่หมี-น้องหมู เนอะ ที่สำคัญเมื่อกินอิ่มแล้วมักจะบ่นว่าตัวเอง “อ้วน” เป็นประจำเลยใช่ไหมล่ะ อิอิ
คุณนาย – คุณชาย
คู่รักที่เรียกกันและกันว่า คุณนาย-คุณชาย บ่งบอกถึงรสนิยมอันคล้ายคลึงกัน เช่น ฐานะ ชาติตระกูล หรืออาจจะแสดงถึงสไตล์การแต่งตัว เช่น แต่งตัวเนี้ยบๆ ดูสะอาดสะอ้าน ใช้ของดีมีราคา หรือไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่ค่อนข้างหรูหรานิดหนึ่งของทั้งคู่ จึงเรียกกันว่า คุณนาย-คุณชาย นั่นเอง
ป๊า – ม๊า
ขยับมาอีกหนึ่งเลเวลจากแฟนเป็นสามี-ภรรยา และมีทายาทตัวน้อยออกมา ทั้งคู่จึงกลายเป็นพ่อและแม่ ซึ่งนอกจากเราจะได้ยินคู่รักบางคู่เรียกกันว่า พ่อ-แม่ แล้ว ยังมีอีกคำที่มีความหมายเดียวกัน นั่นคือ ป๊า-ม๊า ถือเป็นอีกหนึ่งคำเรียกยอดฮิตสำหรับคู่รักเชื้อสายจีนที่มีทายาทแล้วนั่นเองค่ะ
อาเฮีย – อาเจ๊
นอกจากจะเรียกกันว่า ป๊า-ม๊า แล้ว สำหรับคู่รักเชื้อสายจีนชั่วโมงบินสูงที่แต่งงานอยู่กินกันมานานจนมีลูกมี หลานแล้วก็มักจะเรียกกันและกันว่า อาเฮีย-อาเจ๊ ที่แม้อายุจริงและอายุการแต่งงานจะล่วงเลยไปนาน แต่ทว่าทั้งคู่ยังคงมีโมเมนต์น่ารักๆ อยู่เสมอ โดยส่วนมากสาวๆ ก็มักจะมีแฟนที่โตกว่า ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเรียกว่า อาเฮีย หรือหนุ่มๆ ที่อยากเรียกแฟนว่าอาเจ๊ ก็ให้สมกับเป็นสาวผู้กุมอำนาจแห่งรักยังไงล่ะ
แต่ยังไงก็ตาม.. ไม่ว่าจะเรียกแทนกันแบบไหน สิ่งสำคัญของความรักก็คือ ความจริงใจและซื่อสัตย์ ดังนั้นแล้วถึงจะเรียกกันว่าที่รัก แต่ความจริงไม่ได้รักอย่างที่เรียก สถานะก็คงคบกันได้ไม่ยืดหรอกจ้า