แม้ว่าเดี๋ยวนี้สื่อจะเผยแพร่เรื่องราวของความรักเพศเดียวกันหรือ LGBTQ+ กันมากขึ้น แต่การยอมรับในเมืองไทยเรา โดยเฉพาะการเปิดตัวกับครอบครัว ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะสังคมไทยยังยึดติดค่านิยมดั้งเดิมกันเยอะว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง ต้องแต่งงานกัน มีลูก ถึงจะเรียกว่าครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างแท้จริงการเลือกรักใครสักคนที่เป็น “เพศเดียวกับเรา” ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด ตัวตนเราก็เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไรที่เราจะเลือกเป็นในสิ่งที่เราโอเคกับมันที่สุดแล้ว ยอมรับตัวเอง ภูมิใจในตัวเองให้ได้ ใครที่ยังไม่ได้เปิดตัวกับครอบครัว ก็ถึงเวลาแล้วที่จะบอกพ่อแม่ให้รับฟังเราเสียที ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1 เราทำหน้าที่ของเราได้ ไม่ขาดตกบกพร่องกว่าใคร
แม้ว่าการที่เราเลือกจะเป็นอะไรก็ตาม มันคือสิทธิของเรา แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวตนของเรานั้น หากพูดออกไป อาจทำให้พ่อแม่ผิดหวังได้ในโลกที่สวยงาม หลายคนอาจต้องการให้พ่อแม่ยอมรับเราได้โดยไม่มีเงื่อนไขว่าเราต้องเป็นคนดี ต้องมีเงิน หรือต้องมีอะไรก็ตามให้ชื่นชมกันหน่อย แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น พ่อแม่และตัวเรายังต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมด้วย คนอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจก็พยายามจะหาเรื่องมาดูถูกหรือพูดข่มกัน
ดังนั้น การจะพูดอะไรออกไป เราก็ต้องมีจุดดีของเรามาคานน้ำหนักไม่ให้เขาผิดหวังหนักมากมาย และมีจุดดีพอที่จะไม่ให้คนอื่นเหยียดเราได้ง่ายๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า เหตุใดจึงต้องพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด แล้วค่อยเปิดตัว เช่น ตั้งใจเรียนเข้าไว้, มีหน้าที่การงานที่ดี, เลี้ยงชีพตัวเองได้สบาย, เป็นลูกที่ดีที่คอยแบ่งเบาภาระ ช่วยเหลือจุนเจือพ่อแม่ไม่ขาด ฯลฯ อย่างน้อย พวกท่านก็จะได้ชื่นใจว่า “ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรก็ตาม เราก็เป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีของครอบครัว ทำหน้าที่ต่างๆ ไม่ขาดตกบกพร่องเลย” น่ายืดอก น่าอวดชาวบ้านเลยแหละ!
2 เราควรใช้ชีิวิตต่อไปแบบเต็มที่ ไม่มีอะไรให้ห่วงหรือระแวง
การสื่อสารกันแบบตรงไปตรงมา เปิดเผยไปเลยว่าตัวตนเราเป็นอย่างไร แม้พ่อแม่จะผิดหวัง เสียใจ ไม่เข้าใจในทันที แต่ก็ยังดีกว่าการอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ต้องคอยระแวงว่าใครจะเอาไปเล่าแบบเสียหายอย่างไร? มีการใส่สีตีไข่อะไรเพิ่มหรือไม่?
3 ครอบครัวคือส่วนสำคัญที่ควรอยู่กับเรา ไม่ว่าเรากำลังแย่สุดหรือดีสุดก็ตาม
มันจะดีกว่าไหม? หากเรามีเรื่องที่น่ายินดีที่สุดหรือเรื่องที่เลวร้ายที่สุด แล้วเราก็พูดกับครอบครัวได้โดยไม่มีอะไรปิดบัง ไม่มีอะไรกั้นขวาง การเปิดเผยตัวตนให้ครอบครัวรู้ จะช่วยเปิดทางให้เราพูดอะไรก็ได้ บอกอะไรก็ได้แบบอิสระมากขึ้น ไม่ต้องรู้สึกหนักใจหลังพูดออกไปเลย ( สมมติทะเลาะกับแฟนอยู่ นอกจากเพื่อน ก็มีครอบครัวไงล่ะที่เป็นที่พึ่งได้ ^^)
4 ผลักดันให้เราผ่านเรื่องจริงจัง/หนักกว่านี้ให้ผ่านไปได้ง่ายขึ้น
ชีวิตคู่รักเพศเดียวกัน บางคู่ก็จริงจังมากถึงขั้นต้องมาอยู่ร่วมกัน แชร์ทรัพย์สินกัน ทำนิติกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น การครอบครองที่อยู่อาศัย, การครอบครองทรัพย์สิน ซึ่งในเรื่องของเงินทองและการดูแลชีวิตกันและกันนั้น ในเมืองไทยก็ยังไม่มีกฎหมายมารับรองได้เต็มที่สักเท่าไหร่ หลายคู่จึงอยู่กันแบบลำบาก แต่…มันจะง่ายขึ้นเยอะหากมีครอบครัวร่วมรับรู้ด้วยว่าเราทำอะไรร่วมกันถึงไหนแล้ว ขาดเหลือตรงไหนให้ช่วยได้หรือไม่ เชื่อเถอะว่าหลายหัวดีกว่า 2 หัวนะ!
5 ทำให้เรามีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป
การเปิดเผยตัวตน ( และคนรัก ) ต่อครอบครัว ไม่เพียงแต่เป็นการปลดล็อกตัวเองอย่างหนึ่ง แต่เหมือนเป็นการต่อจิ๊กซอว์ชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้น ทำให้ดูภาพรวมชีวิตแล้วรู้สึกภูมิใจ มีกำลังใจ มีพลังที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตต่อไปได้ เราทำหน้าที่ของลูกได้ดีที่สุดแล้ว มีแฟนที่เข้าใจกันดี มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่เข้าใจ แค่นี้ก็ครบพอให้ยิ้มกว้าง ยืดอกภูมิใจได้ไม่แพ้คนอื่น ไม่มีอะไรน่าห่วงอีกแล้ว ^^
ใครยังหาโอกาสเปิดตัวไม่ได้ซะที ค่อยๆ เตรียมตัวกันไปทีละขั้นนะคะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ค่อยๆ เปิดตัวกับเพื่อน ค่อยๆ สร้างโปรไฟล์ที่ดีไว้ เชื่อเถอะค่ะ ต่อให้ลูกจะเป็นเพศไหน ถ้าลูกมีความประพฤติดี พ่อแม่ก็รักค่ะ และพร้อมจะรักเราโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ด้วย ส่วนใครที่เปิดตัวแล้วไม่สำเร็จ พิสูจน์ไปเรื่อยๆ ยึดมั่นในการทำดีเข้าไว้ค่ะ สักวันพ่อแม่ต้องใจอ่อน เห็นแก่ความดีของเราแน่นอน ^^