คุณสาวๆอย่างเราๆ มันก็ต้องมีกันบ้างที่สักวันหนึ่งจะมีผู้ชายดีๆมาพาเราลงจากคานทอง แต่เอ๊ะ? ผู้ชายขอแต่งงานทั้งที แล้วฝ่ายเราล่ะควรเรียกค่าสินสอดเท่าไหร่ดี
วันนี้ GangBeauty มีวิธีคำนวนจากปัจจัยง่ายๆมากฝากสำหรับเรื่องค่าสินสอด แต่งงานกันแน่นอนว่าต้องเตรียมหลายเรื่องและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอีก1 เรื่องเลยก็ว่าได้ ไปดูกันเลย
รายได้ทั้งของครอบครั้วคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย
:แน่นอนว่าการเรียกค่าสิดสอดมักคำนึงถึงความสมน้ำสมเนื่อของทั้งสองฝ่ายถ้าฝ่ายชายมีรายได้มากก็จะมีความเต็มใจในการจ่ายค่าสินสอดให้ฝ่ายหญิงได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าฝ่ายหญิงมีรายได้มากก็ต้องการได้ค่าสินสอดมากขึ้นเช่นเดียวกัน
อายุของทั้งสองฝ่าย
:อายุมีผลต่อการคำนวณเพราะเกี่ยวข้องกับรายได้ ถ้าทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายอายุยังน้อย หมายความว่าอาจจะมีรายได้ยังไม่มากนัก และยังไม่สามารถหาเงินมากพอมาจ่ายค่าสินสอดแพงๆ ค่าสินสอดก็จะไม่มากเท่ากับคนที่มีรายได้มั่นคง
ภุมิลำเนา
:โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก็มีแนวโน้มว่าค่าสินสอดจะแพงขึ้นตามค่าครองชีพไปด้วย
การศึกษา
:การศึกษามันเกี่ยวข้องกับรายได้โดยตรงถ้าทางฝั่งเจ้าสาวเรียนจบปริญญาตรีขึ้นไป ก็ไม่แปลกอะไรถ้าค่าสินสอดที่ควรจะให้จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว
:ถ้าครอบครัวคุณผู้หญิงมีรายได้ที่มั่นคงรื่องนี้อาจไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่ถ้าฝ่ายผู้หญิงมีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู และเป็นเสาหลักสำคัญของบ้าน ค่าสินสอดนี้ก็มีความจำเป็นสำหรับบ้านของฝ่ายผู้หญิง
ความจริงแล้วเรื่องค่าสิดสอดอาจจะเรื่องเล็กๆถ้าคนทั้งคู่มีความเข้าใจกัน ปรึกษาและร่วมกันหาทางออก บางคู่ค่าสินสอดอาจไม่มีความจำเป็นอาจจะแค่จัดงานแต่งขึ้นมาแค่นั้นเองก็ได้ มันอยู่ที่ว่าคุณทั้งคู่คุยกันเข้าใจมากแค่ไหน…
ที่นี้จบปัญหาเรื่องค่าสิดสอดกันไปแล้ว คราวนี้มาเรื่องของการเตรียมงานแต่งกันบ้าง คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายคิดว่าการแต่งงานครั้งหนึ่งต้องเตรียมอะไรบ้าง ถ้ายังไม่รู้ไปดูคร่าวๆกันเลย
1. ค่าชุดแต่งงาน
ชุดคุณผู้ชายอาจไม่เท่าไหร่ แต่ชุดคุณผู้หญิงถ้ามาจากแบนด์ดังก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก
2. การ์ดเชิญวันแต่งงาน
3. ของชำร่วย
4. ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
5. ค่าช่างภาพในงานแต่งงาน
6. ค่าเช่าและตกแต่งสถานที่สำหรับงานแต่งงาน
7. ค่าแต่งหน้าทำผม
8. ค่าอาหารในงานแต่งงาน