ต้องทำแค่ไหน ถึงจะรู้ว่าใครรักจริง
ในทางพุทธรักจริงๆ รักตลอดไป “ไม่มี” …โลกนี้มีแต่รักที่ขึ้นลงตามเหตุปัจจัย กล่าวคือ ถ้ามีตัวมีตนกระทบหูกระทบตา ให้พอใจมาก ก็ปลื้มมาก รักมาก หรือถ้าร่วมบุญร่วมกุศล จนเกิดโสมนัสไปด้วยกันมาก ก็ผูกพันมาก รู้สึกลึกซึ้งมาก
แต่ด้วยความที่คนเราไม่รู้ ไม่เข้าใจถึงเหตุและปัจจัยทางความรักที่แท้ ก็มักทึกทักเอาตามอำเภอใจ มองกันผิดๆ เข้าใจกันผิดๆว่า ถ้ารักกันจริง ต้องทนตัวตนฉันได้ทุกอย่าง พูดไม่ดี โมโห ปึงปังปานใด
มีเรื่องมีราวไม่หยุดหย่อนแค่ไหน ก็ต้องรับได้หมด ถึงจะเรียกว่า “รักกันจริง”
หลายคนหนักกว่านั้น คล้ายเป็นโรคจิตลึกลับ เห็นความรักเป็นทอง ต้องลองกันด้วยหิน คบใครไม่ว่าชายหญิง เป็นต้องพิสูจน์ใจจริงกันหน่อย
ประเภทนี้ บางทีทำตัวน่ารักเป็นพิเศษ เหมือนป้อนเหยื่อล่อทางความรัก อ้างได้เต็มปากว่าลงทุนเต็มที่แล้ว คู่ควรกับการได้รับความรักแล้ว จึงเทสต์เสียหน่อยว่า จะได้รับการตอบแทนสมน้ำสมเนื้อสักแค่ไหน
แต่บางคนไม่อย่างนั้น กล่าวคือ ไม่เคยคิดจะทำตัวให้น่ารัก แต่จะไปลองใจว่าใครรักจริงบ้าง พอไม่พบว่ามีใครเอาด้วย ก็ด่าโลก หาว่าโลกนี้ไม่มีดี มีแต่คนเข้ามาเอา ไม่มีใครเข้ามาให้
คนทำตัวน่ารัก..ไม่คิดอะไรแปลกๆ ไม่พยายามลองใจใคร เป็นฝ่ายให้ก่อนแบบไร้เงื่อนไข เป็นฝ่ายอภัยได้โดยไม่มีข้อต่อรอง เป็นฝ่ายมีสติ จนบันดาลสติให้คนอื่น พวกนี้มักไม่คาดหวังความรักจากใคร แต่จะพบความจริงว่าโลกนี้ ต่อให้หยิบยื่นก่อน ต่อให้ดีกับใครแค่ไหน อย่างไรก็มีแค่หนึ่งในสิบ หรือหนึ่งในร้อย ที่เขาจะยื่นกลับเท่ากัน หรือทุ่มเทกลับมากกว่านั้น
และกว่าที่จะรักจริง ซึ้งใจกันจริงๆกับใครได้ ต่างคนต่างต้องมีน้ำใจเสมอกัน ซึ่งไม่ใช่วัดกันเป็นจำนวนเงินเท่ากันเป๊ะๆ แต่ต้องเป็น “ประมาณน้ำใจ” ที่ทำอะไรให้กันได้ ก็ทุ่มเทเต็มที่เท่าที่มีอยู่เหมือนๆกัน
อยากรู้ว่าใครรักแค่ไหน ไม่ต้องหาเรื่องลองใจ แค่ใช้ชีวิตไปด้วยกันเรื่อยๆ ชีวิตจะส่งบทพิสูจน์มาให้รู้เอง ซึ่งไม่ใช่แค่รู้เขา แต่รู้ใจของตัวเราจริงๆด้วย