“ความรัก” คำสั้นๆ แต่ความหมายมากมายที่เป็นได้ทั้งสิ่งสวยงามในชีวิต และแม้กระทั้งสิ่งเลวร้ายก็เป็นได้ ซึ่งหมายถึงว่าความรักทำให้คนเราได้เรียนรู้และมองเห็นผลสองด้านที่ชัดเจนของชีวิตและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถือมันเป็นบทเรียนได้เสมอ แต่บางคนก็ยังกลัวที่จะเรียนรู้มันจนกลายเป็นโรคชนิดนี้ขึ้นมา..
วันนี้ Gang Beauty จะมาอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับ “โรคกลัวความรัก” (Philophobia)ว่าจริงๆ แล้วมีสาเหตุมาจากอะไร อาการเป็นยังไง และมีวิธีรักษาได้หรือเปล่า
1. อาการของคนที่เป็น “โรคกลัวความรัก”
จะรู้สึกอึดอัด หวั่นไหว และรู้สึกเครียดทุกครั้งที่อยู่ใกล้ “ความรัก” เป็นธรรมดาที่เมื่อเราอยู่ใกล้กับสิ่งที่เรากลัว เราจะรู้สึกไม่ดี อึดอัด และถึงขั้นหวาดระแวงได้
2. อาการโลกส่วนตัวสูง หรือรักสันโดษ
หากคุณเคยอยู่ใกล้กับใครแล้วรู้สึกว่าเขามีกำแพงสูกั้นอยู่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นโรคกลัวความรักอยู่ก็ได้ ซึ่งเขาจะมีโลกส่วนตัวที่ชัดเจนมาก ไม่ค่อยทำอะไรร่วมกับคนอื่นๆ ออกแนวรักสันโดษและบางทีเขาจะปฏิเสธความรัก ความหวังดีจากคนอื่นทันที เพราะเขาเกิดความหวาดระแวงนั่นเอง
3. เมื่อเขาสัมผัสความรัก อาการจะรุนแรงขึ้น
อาการนี้จะมีลักษณะคล้ายข้อแรก ที่เขาจะรู้สึกอึดอัด เครียด และหวาดระแวง แต่บางครั้งหากอาการหนักขึ้นก็จะถึงขั้นลุกลี้ลุกลน เหงื่อแตกท่วมตัว หัวใจเต็นเร็วกว่าปกติ หายใจแรงขึ้น มือเท้าชาอาจจะอาเจียนเลยก็ได้ หนักที่สุดคือเป็นลมไปเลย
4. สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคนี้
มีปัจจัยรอบข้างมากมายที่สามารถกระตุ้นให้เป็นโรคนี้ ซึ่งหากใครกำลังสงสัยว่าตัวเองจะเป็นหรือเปล่า ก็ลองเช็กตามด้านล่างนี้ได้เลย
– เติบโตในครอบครัวที่มีแต่ปัญหาความขัดแย้ง จนจำขึ้นใจและติดอยู่ในหัวเสมอเกี่ยวกับเรื่องลบๆ นี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดเป็นทัศนคติแย่ๆ เกี่ยวกับความรัก
– อยู่ในสังคม วัฒนธรรม ประเพณี หรือศาสนาที่เข้มงวดเรื่องความรักมากเกินไป จนกลายเป็นจิตใต้สำนึกที่ทำให้เอนตี้เรื่องความรัก เพราะกลัวจะเป็นความผิด
– เคยมีประสบการณ์แย่ๆ หลายครั้งเกี่ยวกับความรัก จนเป็นความทรงจำไม่ดีไปแล้ว ทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่มีความรักดีที่สุด
หากตรวจสอบดูแล้วพบว่าตัวเองเข้าข่ายเป็น “โรคกลัวความรัก” ก็อย่าเพิ่งกลัวว่าจะไม่มีทางแก้ไข ยังไงลองไปดูวิธีข้างล่างกันต่อดีกว่า
5. วิธีรักษา
ถ้าอยากหายจาก “โรคกลัวความรัก” นี้ คุณต้องทำเหมือน หนามยอกก็เอาหนามบ่ง โดยอันดับแรกเริ่มจากการปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเอง สร้างทัศนคติที่ดีขึ้น จากนั้นต้องกล้าเปิดใจรับความรัก หรือหากใครกลัวก็ต้องลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูสักครั้ง
การไปพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย และไม่ได้หมายความว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ไปหาได้ แต่จิตแพทย์สามารถปรึกษาและพูดคุยปัญหาต่างๆ ให้คุณได้ ซึ่งจะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันนั่นเอง