การมี..”คู่ดี ”
ดูได้จากศีล .. สติปัญญา
บุญเท่าเทียมกัน.. ถึงเรียก “คู่ดี ”
หากมีคู่แล้ว.. ต้องอยู่บนความกังวลใจ
เครียด จิตตก .. หวาดระแวง ตลอดเวลา
นั่นเขาเรียก.. “คู่เวรคู่กรรม” ..
วันไหน.. บุญหมด
ก็แยกจากกัน .. ยื้อให้ตายก็ไปอยู่ดี
การฉลาด.. เลือกคู่จึงสำคัญ
อยู่ด้วยแล้ว.. “สบายใจ” อย่างเดียวไม่ได้
ต้องมี.. ปัจจัยแวดล้อมด้วย
เป็นตัวของตัวเอง .. แบบไม่ต้องประดิษฐ์
ยอมรับได้.. ในข้อเสียซึ่งกันและกัน
ยอมตกทุกข์ได้ยาก .. ไม่หนีหาย
ไปไหนยามที่ทุกข์หนัก .. ไม่ปล่อยให้อีกฝ่าย
ต้องเผชิญ.. “ปัญหาเพียงลำพัง” แต่ฝ่ายเดียว
หากในชีวิตนี้.. เราเจอคนแบบนั้น
คนที่.. รักเรา โดยไม่รังเกียจการกระทำ
ที่ไม่ดีของๆ เราแล้วล่ะ .. ก็จงรักษาเขาไว้ให้ดี ?
เพราะ? นอกจากพ่อแม่แล้ว
จะหาใคร..? ที่รักเรา และยอมรับในตัวเรา
ได้แบบนั้น.. คง “ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร”
ในชีวิตของคนเรา
เราจะเจอคนแบบนี้ ลักษณะนี้
ไม่กี่คนนักหรอก บางคนเจอ
แค่ครั้งเดียวในชีวิต บางคนไม่เจอสักคน
เมื่อเจอแล้ว.. อย่าเอากิเลส
ความหลง .. ความเบื่อหน่ายนำทาง
เพราะ.. อารมณ์ชั่ววูบประเดี๋ยวประด๋าว
ทำให้ชีวิต .. ต้องสูญเสียสิ่งมีค่า
ที่สุดในชีวิต มัน? ไม่คุ้มกัน
คู่ของคนเราจำแนกไว้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. คู่แท้
คือคู่ที่คบกันแล้วอยู่ดีมีความสุขช่วยกันทำมาหากิน สร้างครอบครัวที่ดี ต่างเป็นกำลังใจให้แก่กัน คู่แท้เมื่อเจอจะรู้สึกได้ทันที่ว่าคือคนที่ใช่ จะมีความรู้สึกบางอย่างที่ส่งออกมาในขณะที่ได้คบกัน บางคนเมื่อเจอครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นหน้า เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง หรือบางคนเคยได้เห็นกันมาก่อนแล้วในฝันหรือในนิมิต
เมื่อมีปัญหากันจะมีฝ่ายหนึ่งยอมอ่อนข้อ ยอมเงียบลงไปเอง จะรู้จักลดราวาศอกซึ่งกันและกัน เมื่อเจอคู่แท้จะทำให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนมีแรงผลักดันชีวิต หลายคนสามารถเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เมื่อเจอคู่แท้ สามารถปรับปรุงตัวเองยอมเปลี่ยนตัวเอง
คู่แท้จะคอยเสริม คอยให้คำแนะนำเป็นเบื้องหลังที่ดีให้สามารถฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี คู่แท้นั้นเมื่อคบกันแล้วจะไม่มีความรู้สึกลังเล วางแผนชีวิตคู่ต่อเนื่องได้ในระยะยาว ถึงแม้ฝ่ายชาย หรือฝ่ายหญิงจะยังมีปัญหา ยังมีคนเข้ามาข้องเกี่ยว ก็ไม่สามารถจะแยกคู่แท้ออกจากกันได้ คู่แท้เกิดจากคู่ที่เคยร่วมบุญใช้ชีวิตทำบุญร่วมกันยาวนานมาแต่อดีตชาติ หรือคนที่เคยได้เป็นคู่แท้ที่รักกันมากมาแต่ชาติปางก่อน แล้วเคยสาบานว่าจะรักกันไปตลอดตราบชั่วสิ้นชีวิต ตลอดไปข้ามภพข้ามชาติก็จะไม่ขอจากกันไปไหน โดยไม่ผิดสัจจะ เมื่อตายจากกันจะได้เจอและได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีก
2. คู่เวรคู่กรรม
คือคู่ที่ตรงข้ามกับคู่แท้อย่างสิ้นเชิง เกิดมาเจอกันเพื่อทำลายกัน เพื่อใช้กรรมให้แก่กันและกัน หรือได้เจอเพื่อต้องรับกรรมที่เคยได้ก่อไว้ บางคนจะเจอคู่เวรคู่กรรมชั่วระยะเวลาหนึ่ง บางคนหลายเดือน หรือเป็นปี หากเคยทำกรรมหนักไว้ก็จะเจอคู่เวรคู่กรรมไปชั่วชีวิตหรือจนตายจากกันไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คู่เวรคู่กรรมเมื่อเจอกันจะรู้สึกรักและหลงมากอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งรักก็ยิ่งหลง ตกอยู่ในภวังความรักความหลงจนหูหนวกตาบอดไม่ยอมรับรู้ความจริงที่จะทำให้เจ็บใจหรือรับไม่ได้ ยอมถูกทำร้าย ยอมถูกตบตี ยอมถูกสวมเขา ยอมถูกเหยียดหยามดูหมิ่น ยอมถูกกระทำให้เจ็บปวดใจอย่างหนัก
เมื่อเจอคู่เวรคู่กรรมไม่ว่าจะเจอหนักเท่าไหร่เสียน้ำตาร้องไห้ฟูมหายขนาดไหนจะยังคงยอมรับ ทนได้ และรับได้เสมอ พร้อมให้อภัยทุกอย่าง ขอเพียงอย่าได้ทิ้งกันไปเพราะจะเจ็บปวดใจมากไม่อาจทำใจยอมรับได้ บางคนเปลี่ยนชีวิตจากที่เคยรุ่งเรืองมีชีวิตที่ก้าวหน้าต้องมาจบทิ้งทุกอย่างหมดตัวเป็นหนี้เป็นสิน
จากที่เคยเป็นคนดีมีเหตุมีเหตุมีผลก็กลายเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่ฟังเหตุฟังผลใคร ใช้ชีวิตแบบประชดคู่ประชดตัวเองกินเหล้า เสพยา ติดสารเสพติด ใช้ชีวิตอย่างไม่แยแสกฏหมายสังคม ทำให้บุพการีเสียใจก็เป็นเพราะคู่เวรคู่กรรม คู่เวรคู่กรรมเกิดจากที่เราได้เคยทำกรรม สร้างกรรมไว้ ผิดศีลข้อสามผิดลูกผิดผัวเมียชาวบ้าน เคยเจ้าชู้ทำให้คนรักต้องเสียใจต้องร้องไห้ ยุยงส่งเสริมให้คนเลิกกัน เคยทำร้ายคนที่รักเรารวมถึงบุพการีอย่างหนัก
ทำให้ชาตินี้ต้องมาเป็นฝ่ายรับกรรม ซึ่งก็ไม่เหมือนกันบางคนก็หนักมากบางคนก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อหมดเวรหมดกรรมจะขาดจากกันไปเอง ความรู้สึกหลงหัวปักหัวปำจะค่อยๆ หมดไป เริ่มเห็นความจริงกระจ่างขึ้น ทางแก้เมื่อเจอคู่เวรคู่กรรมคือให้ยอมรับว่าเราได้เคยสร้างกรรมไว้จึงต้องมาเจออย่างนี้ ขออโหสิต่อเจ้ากรรมนายเวรเรื่องคู่ ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นแล้ว หากเคยกระทำกับใครไว้ขอโหสิและจะไม่ทำกับใครอีก ทำบุญทุกครั้งพยายามอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเรื่องคู่ครอง ปฏิบัติกรรมฐานทำสมาธิภาวนาอุทิศส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วจะขาดจากกันไปเองด้วยดีโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจมากนัก
3. คู่บุญ
คู่บุญคือคนที่เคยทำบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน อาจเคยเป็นเพื่อน หรือเคยเป็นญาติมิตรกันมาก่อน แล้วมีโอกาสได้ไปทำบุญร่วมกันชั่วระยะหนึ่ง หรือยาวนานแต่ไม่นานมากถึงขนาดคู่แท้ที่ใช้ชีวิตครองคู่ร่วมกันตลอด
คู่บุญคือคนที่เคยได้ร่วมบุญ หรือเคยเป็นแฟนคบหากันชั่วระยะเวลาหนึ่ง ที่ยังได้เจอคู่บุญอีกเป็นเพราะก่อนที่เราจะเกิดมาเป็นเรานั้น ได้เคยเกิดมาแล้วหลายชาติ เคยคบหาดูใจเคยได้ร่วมบุญกับคนมากมาย จึงมีโอกาสได้เจอกันอีก คู่บุญจะไม่ทำร้ายกันรุนแรงเหมือนคู่เวรคู่กรรม เมื่อคบหากับคู่บุญแล้ว เมื่อหมดบุญไปจะมีเหตุให้ต้องเลิกจากกันไปเอง เช่นต้องห่างกันไป ห่างตัวต้องออกไปใช้ชีวิตของตนเอง หรือห่างด้วยเรื่องการเรียน เรื่องงาน หรือความไม่ลงตัวกันจึงทำให้ค่อยๆห่างเหินเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปจนกลายเป็นเพื่อนสนิท หรือกลายเป็นคนรู้จักกันไป ก็จะทำให้ได้เจอคนใหม่มีชีวิตรักใหม่อีกเหลือเพียงความทรงจำดีๆ
คนเราเกิดมามีคู่บุญมากมาย ในทางโหราศาสตร์สามารถดูได้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ ถือว่าเป็นเกณฑ์คู่เล็ก เป็นช่วงมีโอกาสได้ปิ๊งปั๊งเจอคนที่ถูกใจ คนที่ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ในปีหนึ่งจะมีโอกาสได้เจอคู่บุญอยู่หลายสิบครั้ง บางคนเดินสวนกันแล้วรู้สึกดีขึ้นอย่างแปลกๆ หรือได้คุยกันแป๊บเดียวรู้สึกเข้ากันได้มาก คู่บุญสามารถต่อยอดให้กลายเป็นคู่แท้ได้ด้วยการต่อบุญอีกในชาตินี้ เมื่อคบกันหากไม่อยากขาดจากกันให้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน สักเดือนละครั้ง หรือจะมากกว่านั้นแล้วแต่ความสะดวก อย่าให้เกินสามเดือนควรหาเวลาทำบุญร่วมกันอีก ทำไปสักระยะหนึ่งคู่บุญก็จะกลายเป็นคู่แท้ที่จะครองคู่กันไปตลอดไม่ขาดจากกันได้
สูตรการเลือกคู่ของพระพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนถึง วิธีการเลือกคู่ ให้แก่เหล่าชายและหญิงว่า?
สูตรการเลือกคู่ของพระพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนถึง วิธีการเลือกคู่ ให้แก่เหล่าชายและหญิงว่า?
1. ควรมีศรัทธาเสมอกัน คือ เลือกคนที่มีความเชื่อเลื่อมใสในศาสนา สิ่งเคารพบูชา ความคิดเห็น จุดมุ่งหมาย ตลอดจนรสนิยมตรงกัน
2. ควรมีศีลเสมอกัน คือ เลือกคนที่มีความประพฤติ ศีลธรรม มารยาท มีพื้นฐานการอบรมพอเหมาะสอดคล้องกัน
3. ควรมีจาคะเสมอกัน คือ เลือกคนใจกว้าง เสียสละ พร้อมช่วยเหลือผู้อื่น เพราะเมื่ออยู่ด้วยกันก็ต้องเสียสละทั้งทรัพย์สินและความสุขของตน เพื่อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
4. ควรมีปัญญาเสมอกัน คือ รู้จักเหตุ-ผล-ดี-ชั่ว สิ่งที่เป็นประโยชน์ ? ไม่เป็นประโยชน์ สามารถใช้ความคิดเพื่อแก้ปัญหาได้?
วิธีจับสังเกตหลักง่ายๆนะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์บอกว่า คนดีดูได้ที่ว่า เป็นคนที่ คิดดี พูดดี และทำดีเป็นปกติ คือ ดูสิ่งที่เขาคิด พูด ทำ นั่นเอง บางคนบอกความคิดจะไปดูได้อย่างไร ก็คำพูดและการกระทำมันจะสะท้อนจากความคิด เราจะจับได้ว่าถ้าเขาพูดอย่างนี้แสดงว่าเขาคิดอย่างนี้ เพียงแต่คนที่กำลังชอบพอกันใหม่ บางทีความรักความพอใจมันบังตา เห็นอะไรก็ดูข้ามไปหมด บอกไม่เป็นไร เขารักเราเขาต้องปรับปรุงตัวแก้ไขเพื่อเราได้แน่ๆ เสร็จแล้วก็น้ำตาตกทีหลัง
ถ้าจะสรุปโดยย่อๆเลยก็คือว่า ให้เขาเป็นคนที่มีศีล อย่างน้อยศีล5 แล้วไม่ยุ่งอบายมุข ถ้าชอบกินเหล้าเล่นไพ่ เที่ยวกลางคืนทุกวัน เป็นเสือผู้หญิง เจ้าชู้แต่เอาใจเราเก่งเราเลยชอบ อย่าเด็ดขาด เดี๋ยวเราจะเดือดร้อน น้ำตาเช็ดหัวเข่า เป็นคนชอบโกหก เป็นคนชอบขโมยของเขา คดโกงเขา เป็นคนใจคอโหดร้าย อย่างนี้เราหลีกเลี่ยง อย่างน้อยต้องศีล 5 และอบายมุข อย่างนี้จะไม่พลาด