ทำอย่างไร หากการแต่งงานไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
ออสการ์ ไวลด์ เคยกล่าวไว้เป็นคติว่า “ผู้ชายแต่งงานเพราะพวกเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย ผู้หญิงที่แต่งงานเพราะพวกเธอรู้สึกอยากรู้อยากเห็น และทั้ง 2 ฝ่ายล้วนผิดหวัง” ไม่ทราบว่าคุณเห็นด้วยกับคำกล่าวข้างต้นนี้หรือไม่ ? แต่มีหลายคนหรือหลายคู่ผิดหวังในชีวิตสมรสจริงๆ
ใช่ครับ ผู้ชายแต่งงานเพราะพวกเขารู้สึกว่า ยากที่จะอยู่โดยลำพัง เนื่องโดยธรรมชาติผู้ชายต้องการผู้ช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานจุกๆ จิกๆ หรืองานบ้าน พวกเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าที่จะทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นโดยลำพัง ด้วยเหตุนี้พระเป็นเจ้าจึงตรัสว่า ไม่เหมาะที่ชายจะอยู่โดยลำพัง ! พระองค์จึงทรงสร้างผู้หญิงขึ้นมา เพื่อเป็นคู่อุปคัมภ์ หรือผู้ช่วยเหลือเขาขึ้นมา
แต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงหลายคนมิได้ต้องการจะแต่งงาน เพื่อสนองตอบความต้องการเหล่านั้นของผู้ชาย พวกเธอมักแต่งงานด้วยหลายเหตุจูงใจ แต่สาเหตุหลักหนึ่งที่คล้ายกับที่ออสการ์ ไวลด์ กล่าวไว้ ก็คือ พวกเธออยากจะลองให้รู้ว่าชีวิตแต่งงานเป็นอย่างไร ? จะหวานซึ้งตรึงใจหรือโรแมนติกอย่างดังฝันหรือไม่ ? และจะตอบสนองความต้องการทั้งทางกายและทางอารมณ์ของเธอได้ดังหวังมากน้อยเพียงใด ?
และก็เป็นอย่างที่เรารู้กันแล้วว่า…การอย่าร้าง คือ คำตอบ…
การหย่าร้าง คือ คำยืนยันถึงความผิดหวังในชีวิตรักของคู่สมรสจำนวนมาก ดังนั้น หากผู้ชายอยากจะให้ชีวิตรักหรือชีวิตสมรสไม่เหี่ยวเฉา ก็น่าจะลองทำตามคำแนะนำของท่าน ลินคอน บี จอห์สัน อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่กล่าวว่า…
“มีอยู่สองสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการทำให้ภรรยาของคุณมีความสุข หนึ่งก็คือ ปล่อยให้เธอคิดว่าเธอมีเสรีภาพตามทางของเธอเอง และสองก็คือ ปล่อยให้เธอมีตามที่เธอคิด”
ว่ากันว่า คนที่แต่งงานแล้วจะต้องทุ่มเทและสาละวนกับการทำให้คู่สมรสพึงพอใจ แน่นอน หากชายคนใดสามารถทำตามคำแนะนำดังกล่าวได้ ด้วยความรักในตัวภรรยาของเขาจริงๆ และฝ่ายภรรยาก็กระทำเช่นนั้นต่อสามีเช่นกัน เพียงแต่ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง การหย่าร้างก็จะห่างไกลจากครอบครัวของพวกเขา ! เพราะทั้งสองจะไม่รู้สึกผิดหวังกับความรักของกันและกันเลย !
ดังนั้น ถ้าคุณอยากให้ชีวิตรักของคุณยืนยาว ก็ลงมือทำตามนี้เลยครับ ! ความรัก คือ การยอมนั่งรถแท็กซี่ไปส่งเธอ แล้วชะเง้อรอรถเมล์ เพื่อโหนกลับบ้าน