“ไม่รู้ทำไม… แต่ไม่ได้รักเหมือนเดิมแล้ว” นี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผล(?) ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ จากปากของคนรักคนหนึ่งที่กำลังจะหมดใจต่ออีกคน และทุกครั้งคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็มักจะเกิดคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ว่า… เราผิดอะไร? เพราะความรักไม่มีถูกหรือผิด เหตุผลของอาการหมดใจอาจจะเป็นอะไรก็ได้ และมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าคุณจะสวย รวย หรือเก่งแค่ไหน เพียงคนเดียวที่รู้คำตอบก็คือเขาคนนั้นที่เดินจากไปแล้ว และเขาคงไม่อยากบอกเหตุผลกับคุณนักหรอก คุณทำได้แค่สังเกตสัญญาณหมดใจเหล่านี้… ก่อนที่เขาจะเดินจากไปจริงๆ
1. อาการของคนหมดใจ “อยู่ดีๆ ก็หาย… ไลน์ไม่ตอบ”
เพราะการใส่ใจมันแสดงถึงความจริงจังและจริงใจในความสัมพันธ์ โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารกันผ่านทางโทรศัพท์ของคนสองคน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดสังเกตที่สำคัญ หากวันหนึ่งข้อความของเขาเวลาตอบเรามันสั้นลง เช่น อืม / อ่อ / อือ / เค ก็เริ่มมา ไหนจะตอบช้าทั้งๆ ที่เล่นมือถืออยู่ หรือแม้กระทั่งอ่านไม่ตอบ หรือลามไปจนถึงพฤติกรรมการคุยกันของเราเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ก็ให้สังเกตได้เลยว่านี่คือสัญญาณแรกๆ ของอาการหมดใจหรือเปล่า? บอกก่อนว่าเราไม่ได้กำลังชี้ทางให้คุณกลายเป็นคนขี้ระแวงจนเกินไป แต่ถ้าคุณเริ่มสงสัย นี่ก็คงเป็นจุดสังเกตแรกๆ ที่คุณไม่ควรมองข้ามนะ
2. อาการของคนหมดใจ “มือถือน่าสนใจกว่ามือที่จับ”
ใครๆ ก็ติดโทรศัพท์กันได้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ควรมาติดโทรศัพท์เวลาที่อยู่กับคนสำคัญ หรือเวลาสำคัญๆ ที่เราควรให้กับคนที่เรารัก เพราะมันแสดงถึงความไม่ใส่ใจในความรู้สึกของกันและกัน ไม่สนใจกัน ทีนี้คุณก็ต้องส่องเขาหน่อยอะนะ ว่าเขากำลังติดเกมในมือถือ หรือติดใครในมือถือกันแน่นะ?
3. อาการของคนหมดใจ “อะไรที่เคยถูก อยู่ๆ ดีก็ผิดไปหมด”
ถ้าคุณคิดว่าคุณทำตัวสม่ำเสมอมากพอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แล้วอยู่ดีๆ อะไรที่มันเคยโอเค แต่ตอนนี้เขาไม่โอเคกับสิ่งที่เราเป็นอีกแล้ว แถมยังพร้อมจะหยิบมาเป็นประเด็นให้เราต้องทะเลาะกันอีก มันก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนก็ได้ว่า เขาเริ่มไม่มีความสุขกับสิ่งที่คุณเป็นอีกแล้ว และถ้ามันเป็นบางอย่างเรื่องที่คุณผิดพลาดและยอมรับได้ คุณก็ควรแก้ไขมันเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด คุณก็ควรคุยกันตรงๆ ได้แล้วล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
4. อาการของคนหมดใจ “ความลับมากมาย มีอะไรไม่เคยบอก”
เคยพูดเคยเล่าให้ฟังตลอดว่าอยู่ไหน ทำอะไร ไปกับใคร เป็นเรื่องปกติ แต่อยู่ๆ ก็กลายเป็นแทบไม่ได้คุยกัน หายไปทั้งวันแต่ไม่มีอะไรมาเล่าให้ฟังกันบ้างเลย ทักไปก็ไม่ค่อยตอบ ตอบทีนึงก็นานแสนนาน แถมยังทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เฮ้อ เป็นใครก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ถ้าเขาจะเปลี่ยนไปแบบนี้
5. อาการของคนหมดใจ “ไปไหนกับเพื่อน จนลืมให้เวลาของเรา”
มันคงแปลกจริงๆ ที่เมื่อก่อนอะไรๆ ก็เป็นคุณเสมอ ไม่ว่าจะเที่ยว จะกินข้าว อยากไปไหนก็ชวนคุณได้ตลอด แต่พอวันนี้คุณกลายเป็นคนที่ต้องชวนเขาแทน ซึ่งนั่นก็ไม่แย่เท่าเวลาชวนไปไหนก็แสนจะยากเย็น ไม่ค่อยอยากจะไปกับคุณนักหรอก แต่ก็เห็นไปไหนกับเพื่อนได้เสมอ และเวลาของเราก็เริ่มน้อยลงไปทุกทีซะงั้น
6. อาการของคนหมดใจ “นี่คือตอนจบ ของคนไม่พูดกัน”
เจอกันทีก็ไม่มีเรื่องคุย ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี ไม่มีเรื่องให้ปรึกษา เวลาอยู่ด้วยกันมันก็ไม่อบอุ่นเหมือนเดิม เกิดเป็นความเงียบที่ไม่ใช่ความเงียบสงบ แต่กลับเป็นความเงียบที่อยู่ด้วยกันก็ยังเหงาอยู่ดี และถ้าหากคุณเป็นคนพยายามชวนคุยอยู่ฝ่ายเดียวด้วยล่ะก็… เหนื่อยหน่อยนะ
7. อาการของคนหมดใจ “ใครต่อใครก็ถาม ว่าระหว่างเราเกิดอะไร”
ความห่างเหินในความสัมพันธ์ของสองเราชัดเจน จนเป็นที่สังเกตของคนรอบข้าง ใครเจอก็ถามว่าแฟนไปไหน? ยังคบกันอยู่ไหม? พวกคุณยังโอเคใช่ไหม? ส่วนคุณก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยิ้มสู้กับคำถามนั้นไป เพราะคุณเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทุกอย่างยังปกติดี!
ก่อนจากกันไปในบทความนี้เราอยากจะบอกสาวๆ ทุกคนว่า สิ่งที่เรานำเสนอเป็นเพียงแค่ทฤษฎีกว้างๆ ที่อาจจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็ได้ เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน สิ่งที่น่าจะดีที่สุดก็คือหลังจากอ่านบทความนี้จบ สาวๆ ต้องลองคิดดูว่าความเปลี่ยนแปลงของคู่เรามีสัญญาณเตือนเหล่านี้หรือไม่? เกิดจากอะไร? แล้วคุณแก้ไขอะไรมันได้บ้าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป… เราเอาใจช่วยทุกคนนะคะ