รักพังเพราะเราคาดหวังมากกว่าทุ่มเท
1. รักรื่น-เลิกรา เป็นธรรมดาของความรัก เราอาจมองความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ความรักมีเส้นทางที่ซับซ้อน สับสน
และมีความหมายที่มากไปกว่าแค่เพียง “สวยงาม” เสมอ
2. เมื่อรักใครสักคน สิ่งที่เราต้องการจากคนนั้นคือการยอมรับในตัวเรา และเมื่อรักกัน สิ่งที่ทั้งคู่ต้องการก็
คือการยอมรับในกันและกัน เมื่อใดที่ใครคนหนึ่งไม่ยอมรับ ย่อมมีโอกาสที่รักนั้นจะจืดจางและเหือดแห้งลง
3. รักในช่วงหวานชื่นนั้นไม่ยาก ที่ต้องพิสูจน์คือรักที่ผ่านกาลเวลาต่างหาก รักที่ไม่งอกงามคือรักที่รอวันเหี่ยวเฉา
รักจะงอกงามได้ต้องการการดูแลกันและกัน รดน้ำพรวนดินให้ต้นรักเติบโต ดอกรักออกดอกใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
4. อริสโตเติลมองว่า การทุ่มเทอุทิศตนเพื่อประโยชน์สุขของคนรักคือหัวใจของความรัก
หากไม่ทำเช่นนี้แล้วความสัมพันธ์นั้นอาจมิใช่ความรัก
5. อุทิศตนที่ว่านี้ มิใช่เพียง “มอบบางสิ่งให้” แต่ยังหมายถึง “ยอมบางสิ่ง” หรือกระทั่ง “ยอมสละความสุขของตัวเองบางอย่าง”
เช่น บางคนมองว่าเมื่อมีคนรักแล้วปราศจากอิสระแบบตอนเป็นโสด นี่ก็เป็นหนึ่งในบทพิสูจน์ว่าเราสามารถ “อุทิศตน”
เพื่อคนรักได้หรือไม่
6. อริสโตเติลเช่นกันที่บอกว่า มิตรภาพและความรักจะทำให้เรามองเห็นอีกฝ่ายหนึ่งเป็น “ตัวตนที่สอง” ของเรา
เมื่อรู้สึกเช่นนี้แล้ว การทำดีให้เขาก็เหมือนทำดีให้ตัวเอง
7. ยิ่งอุทิศตนให้ใครมากๆ เราก็ยิ่งรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเขามากขึ้น อันนี้อาจคิดถึงแม่ที่มอบความรักให้ลูก
8. “การทำเพื่อประโยชน์สุขของอีกฝ่าย” ไม่ได้เท่ากับ “การทำให้อีกฝ่ายมีความสุข” จึงอาจมีการขัดใจคนรัก
เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ในระยะยาว ไม่ต้องตามใจตลอดเวลา แต่หวังดีเสมอ นี่คือความรัก
9. ความรักคือความปรารถนาดีที่จะทำให้คนรักมีความสุข แต่ตัวความรักเองไม่ใช่ความสุขเสมอไป
10. เป็นไปได้ว่า ในบางห้วงเวลาการมีรักคือความทุกข์ แต่เราสามารถพัฒนาความทุกข์ ระหว่างเราให้กลายเป็นความสุขได้
หากความรักสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติบางอย่าง ที่เคยสร้างความทุกข์ ให้กลายเป็นบวก เช่น ความเจ้าชู้ ความเห็นแก่ตัว
ความจู้จี้ และอื่นๆ
11. ความรักเปลี่ยนบางคนได้ และความรักก็เปลี่ยนบางคนไม่ได้
12. กาลเวลาเปลี่ยนบางคน แต่กาลเวลาก็ไม่เปลี่ยนบางคน
13. การรักคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะสร้างความสุขให้กับเรา (หรือไม่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติลบให้เป็นบวก)
ย่อมเป็นเรื่องเปลืองเปล่า
14. เพราะความรักจากเรา (ไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็ตาม) มิได้เปลี่ยนแปลงให้ใครเป็น “คนดี” ขึ้นมาได้ เขาจำเป็นต้องมีคุณสมบัตินั้นอยู่ในตัวเอง หรือไม่ก็ต้องมีความประสงค์ ความพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่สร้างความรักที่เป็น “บวก” ขึ้นมา
15. ความรักที่เรามอบให้คนนั้น จึงมิได้การันตีว่าจะเปลี่ยนแปลงให้คนรักเราคนเดียว หรือเป็นคนดีของเราได้
หรือนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันเป็นสุขได้
16. รักที่เรามอบให้ใครสักคนมิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะพิชิตทุกอุปสรรค
17. การคาดหวังว่าเรารักใครบางคนอย่างหมดหัวใจ ทำให้ทุกอย่าง แล้วเขาจะทำแบบนั้นกับเรากลับคืน ย่อมเป็นสิ่งที่เราคิดไปเองฝ่ายเดียว หากคนคนนั้นมิได้มีคุณสมบัติตามที่เราคาดหวัง
18. รักจำนวนมากพังเพราะเราคาดหวังจากคนรักว่าจะต้องรักเรามากเท่าที่เราทุ่มเทให้ไป ความรักมิได้เป็นสมการ
ที่มีเครื่องหมาย = อยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคน หากคือการปรับตัวปรับใจไปตามอีกฝ่ายเพื่อจัด “สมดุล” ซึ่งไม่ได้หมายความว่า “เท่ากัน”
19. กระนั้น ชีวิตมิได้เป็นไปตามประโยคที่บอกว่า “มีแต่เธอและรักของเธอเท่านั้นที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้” เปล่าเลย ความสุขของเรามิได้อยู่ในกำมือของใครคนใดคนหนึ่งขนาดนั้น
20. เราเองนี่แหละที่ควรปรับตัวปรับใจ เติมคุณสมบัติ “เปิดโอกาสให้ความสุข” ให้กับตัวเอง นั่นคือเราต้องเปิดรับความสุขจากเรื่องอื่นในชีวิตด้วยเช่นกัน มิได้ให้คุณค่ามันน้อยกว่าความรัก เมื่อเปิดรับแล้วเราจะพบว่าเราสามารถมีความสุขกับสิ่งอื่นในชีวิตได้ด้วย นอกจากความรักแล้ว
21. เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะคาดหวังกับ “รักสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ” หรือ “คนรักที่เพอร์เฟ็กต์” น้อยลง นั่นอาจทำให้เรามีเมตตา
ให้อภัย และอดทนกับความไม่ถูกใจของคนรักได้มากขึ้น
22. เขาไม่ได้เป็นปัจจัยให้เราเป็นทุกข์กับชีวิตเท่าเดิมแล้ว แต่ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีความสุขอยู่
23. เหตุผลที่ควรให้อภัยกันก็เพราะเราเองก็ใช่ว่าจะเพอร์เฟ็กต์เสียเมื่อไร เราก็ต้องการการให้อภัยจากเขาในบางเวลา
24. ไม่ว่าจะลงเอยด้วยการคบหากับต่อไป หรือเลิกราแยกย้าย สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องรักษา “ความสามารถในการมีความสุข”
ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับการหยิบยื่นให้โดยคนรักเอาไว้ให้ได้ นี่คือคุณสมบัติสำคัญยิ่ง
25. ความรักนั้นไม่แน่นอน ไม่สวยงาม ไม่สมบูรณ์แบบ, การทุ่มเทอุทิศตนให้ใครบางคนคือความหมายของความรัก
ขณะเดียวกัน การถอนตัวออกจากอิทธิพลที่คนคนนั้นมีต่อความสุข-ความทุกข์ของเราก็เป็นสิ่งสำคัญของการดำเนินชีวิต
26. มอบรักให้คนที่เรารัก ถอนตัวออกมาหากเจ็บปวด มองเห็นความสุขจากสิ่งอื่นนอกจากรัก รักโดย ไม่มองว่าความรัก คือเส้นทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสุข
27. บ่อยครั้ง, ที่เราแยกจากคนรัก เพื่อลืมตามองเห็นความสุขจากสิ่งอื่นหรือคนอื่นในชีวิต
28. บ่อยครั้ง, ที่เราแยกจากคนรัก เพื่อรู้จักรักที่สำคัญ นั่นคือรักชีวิตของตัวเอง ชีวิต-ที่มิได้สมบูรณ์แบบ แต่ผสมผสานจากหลายรสชาติที่ทำให้เราได้เรียนรู้ เติบโต เข้มแข็ง
29. เมื่อเราสามารถรักชีวิตตัวเองทั้งที่มันไม่สมบูรณ์ได้ เราจะรักผู้อื่นได้ แม้เขาไม่สมบูรณ์เช่นกัน
30. นั่นคือความจริงของชีวิต นั่นคือความจริงของความรัก, มันไม่สมบูรณ์แบบหรอก แต่ในความไม่สมบูรณ์แบบนั้นก็มีเรื่องดีๆ
และสิ่งสวยงามมากมาย ให้อภัยวันฟ้าหม่น จดจำวันแดดใส มองดอกไม้ที่เคยเบ่งบาน และจะเบ่งบานอีก
รักไม่ใช่สิ่งสวยงาม, แต่ทุกความรักมีสิ่งสวยงามอยู่ในนั้น เพียงเราไม่คาดหวังว่ามันจะมีแต่ความสวยงามเพียงด้านเดียว
ใช่, เราอาจผิดหวังกับความรัก แต่เราไม่ต้องผิดหวังกับชีวิต
*ข้อมูลบางส่วนได้จากการอ่าน Conditions of Love โดย John Armstrong
ขอบคุณบทความดีๆจาก : นิ้วกลม