สิ่งที่น่าหนักใจที่สุดสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงหาคู่ชีวิต หรือแฟน ก็น่าจะเป็นอาการสับสนว่า คนนั้นเขาชอบเรารึเปล่านะ คิดเหมือนกันรึเปล่านะ ถึงแม้จะค่อนข้างเป็นช่วงทรมาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดเช่นกัน กับอาการของคนที่แอบชอบใครสักคน พอได้มีโมเมนต์กับเขาก็มีเรื่องให้รู้สึกดี และมีเรื่องให้รู้สึกตื่นเต้น ลุ้นกันไปว่า เขารู้สึกยังไงกับเราแน่นะ
แต่เป็นเพราะว่ามีทั้งความสงสัย ความสุข ความทรมานปะปนกันไปเนี่ยแหละ จึงอดไม่ได้ที่บางครั้งก็อยากจะได้คำตอบมาซะดื้อๆ ว่า ตกลงคนคนนี้เขาสนใจเราบ้างรึเปล่า หรือเรากำลังเสียเวลากับการคิดไปเองฝ่ายเดียว ในขณะที่หัวใจของเขาเองก็มีคนอื่นอยู่ พอคิดแบบนี้ มันก็อยากจะเดินตรงไปถามให้รู้แล้วรู้รอดเลย แต่ก็ทำไม่ได้ไงถึงแม้การสารภาพ ถามไปตรงๆ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่เราก็มีความรู้สึกอาย รู้สึกกลัวเป็นธรรมดา กลัวว่าบอกความจริงไปแล้ว ความสัมพันธ์เปลี่ยน ความสุขตรงนี้ก็จะหายไป ไม่เป็นไร สำหรับใครที่ยังไม่ชัวร์ แต่อยากฟันธง เรามีทางออกมานำเสนอ ลองดู 5 ข้อสังเกต เขาจะรักเรา หรือไม่รัก ดูปุ๊บ รู้ปั๊บเลย!
5 ข้อสังเกต เขารักเรา หรือไม่รัก ดูปุ๊บ รู้ใจปั๊บ!
1. ทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มีโอกาสเจอคุณ
ผู้ชายที่มีความสนใจในตัวเรา ก็จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะเข้าหาเราให้ได้ ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม ถ้าเขาสนใจคุณจริง เขาจะลงทุน ลองนึกภาพเวลาเรารู้สึกแอบชอบใครสักคน แล้วเราจำห้องเรียนเขาได้ ก็จะพยายามไปเดินผ่านบ่อยๆ เผื่อได้เจอ ได้มีโอกาสคุยอะไรแบบนี้ ผู้ชายเองก็เป็นเหมือนกัน น่ารักๆ ไปอีก ไม่ว่าเขาจะอยู่ไกลแค่ไหน ก็จะสละเวลาและลงทุนเดินทางมาหาคุณ เพื่อทำอะไรสักอย่างให้คุณประทับใจ บางทีบ้านเขาอาจจะอยู่เลียบทางด่วน แต่พอรู้ว่าคุณชอบมากินกาแฟที่ปิ่นเกล้า ก็อาจจะยอมตื่นแต่เช้า เพื่อไปกินกาแฟที่ปิ่นเกล้าเลยก็เป็นได้ หรือช่วงพักเที่ยง ในตึกออฟฟิศ คุณรู้สึกได้ว่าเจอเขาเป็นประจำ มาพักเที่ยงเวลาพร้อมๆ กัน ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะพยายามพักให้ตรงกับคุณ เพื่อจะได้มีโอกาสเจอกันหรือถ้ามีโอกาสได้รู้จักกันแล้ว เขาก็ต้องไม่พลาดที่จะขอเบอร์คุณอย่างแน่นอน หรือบางทีอาจจะเลี้ยงอาหารคุณด้วยซ้ำ ลงทุนขนาดนี้ถ้าไม่รักจะเรียกว่าอะไร และถ้าผู้ชายไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ก็แสดงว่าเขาอาจจะไม่ได้สนใจคุณ หรืออาจจะมีแฟนแล้วก็เป็นได้
2. ชอบหรือไม่ชอบ ภาษากายแอบใบ้ให้อยู่นะ
ความรู้สึกของผู้ชาย ที่มีต่อผู้หญิง สามารถฟ้องออกมาได้ทางภาษากาย และถ้าผู้ชายคนไหนสนใจในตัวเราล่ะก็ เขาจะพยายามเยื่องย้ายกายเข้ามาใกล้ พยายามมาใกล้ชิด เพื่อจะได้รู้สึกสนิท และใกล้ชิดกันอีกวิธีหนึ่งที่หนุ่มๆ เขาจะใช้แสดงความรักที่มีต่อหญิงสาวคือ เขาจะเอียงตัวเข้าหาเราเมื่อได้พูดคุยกัน เพื่อที่จะได้ไม่พลาดในสิ่งที่เราพูดไปเลยสักประโยคเดียว ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงว่าสนใจในสิ่งที่เราพูดแล้ว ก็หมายความว่าเขาอยากจะใกล้ชิดกับเราด้วย ซึ่งระดับความใกล้ชิดอยู่มากขนาดไหน ก็สามารถบ่งบอกถึงความสนใจที่เขามีต่อตัวคนได้เช่นกัน และถ้าหากระหว่างคุณกับเขา สามารถมีคนมาแทรกตรงกลางได้ล่ะก็ เขาอาจจะไม่ได้สนใจคุณมากขนาดนั้น และปกติแล้วผู้ชายมักจะชอบหันปลายเท้า หรือหัวเข่าไปทางคนที่ชอบ และถ้าคุณกับเขานั่งอยู่ แต่เข่าเขาหันไปด้านอื่น อาจจะแปลว่าเขาไม่ได้สนใจคุณเท่าไหร่นะ
3. ติดต่อมาบ่อยมากเวอร์
ในยุคที่วิวัฒนาการไปไกล เทคโนโลยีเพียบพร้อมขนาดนี้ ทุกคนก็แทบจะมีมือถือเป็นบัตรประชาชนอยู่แล้ว โดยเฉพาะวัยที่มีความรัก รู้จักรักใครได้แล้วเนี่ย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คุณมีมือถือแน่นอน ดังนั้นจากที่คนเคยใช้เวลาติดต่อกันนานมากจะคุยกับคนรักทีต้องใช้จดหมาย คนที่แอบชอบไม่ต้องพูดถึง ถ้าแค่แอบชอบ ส่งจดหมายไปหาก็ยังไม่ได้เลย แต่สมัยนี้แค่แชทนิดเดียวก็ไปถึงแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะทักรึเปล่าและถ้าปกติคุยกับใครส่วนใหญ่คุณก็คงจะใช้วิธีแชทเอาแน่นอน เพราะนอกจากจะสะดวก คุยง่ายแล้ว ยังไม่รู้สึกจริงจังเกินไป แต่ถ้าเขาคนนั้นยังอาศัยวิธีที่เก่ากว่าการแชท ด้วยการโทรหาคุณอยู่เป็นประจำล่ะก็ ฟันธงได้เลยว่าเขารู้สึกพิเศษกับคุณแน่นอน เพราะแค่ข้อความมันไม่พอแล้ว เขาอยากได้ยินเสียงคุณ หรือถ้าสนิทกันมากกว่านี้หน่อย เขาชอบคอลวิดีโอ ต้องคุยให้เห็นหน้าล่ะก็ สงสัยได้ยินแค่เสียงคงไม่พอ ขอเห็นหน้าด้วยเลยละกัน!
4. จะยุ่งแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ามาหาคุณถือว่าไม่ยุ่ง
ถ้าโดนให้ใช้ไปทำธุระล่ะก็ คนส่วนใหญ่พยายามเถลไถลบ่ายเบี่ยงให้ถึงที่สุด แต่ถ้าโดนชวนไปเที่ยวล่ะก็ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องเคลียร์ตารางให้ว่างเข้าไว้! นี่สิ คือการเสียสละเพื่อสิ่งที่รัก ( ใช่เรอะ!? ) เพราะเรารู้ว่าการไปเที่ยวนั้นจะทำให้เรามีความสุข สนุกสนาน และจะให้ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ก็เหมือนกับการได้ไปเจอคนที่เราชอบนี่แหละ ต่อให้ยุ่งแค่ไหน เราก็ต้องพยายามเคลียร์เวลาเพื่อให้ไปเจอให้ได้คนทุกคนล้วนแล้วแต่มีธุระส่วนตัวทั้งนั้นแหละ แต่เมื่อมีสิ่งสำคัญก็ต้องหาเวลามาให้ได้ อย่างเจ้าของบริษัท ต่อให้งานยุ่งก็ยังต้องเคลียร์ตารางเพื่อจะได้พักผ่อนบ้างเลย ดังนั้นถ้าใครสนใจเรา ก็ต้องหาเวลามาเจอเราได้เช่นกัน ใครๆ ก็อยากจะหาเวลาทำในสิ่งที่อยากทำ และได้ใช้เวลากับคนที่อยากอยู่ใกล้ๆ ทั้งนั้นแหละแต่ในทางกลับกัน ผู้หญิงไม่ควรเป็นฝ่ายคอยตาม คอยไล่ขนาดนั้นนะคะ ขอกลางๆ แบบบาลานซ์พอ แสดงออกมากเกินนอกจากไม่งาม แล้วยังเสี่ยงนกอีกต่างหากนะจ๊ะ
5. พยายามเรียนรู้คุณให้มากขึ้น
คุณเคยใช้เวลากับใครสักคน แล้วรู้สึกขึ้นมาบ้างมั้ยว่า ” ทำไมเราไม่เห็นรู้จักกันดีขึ้นเลย ” ทั้งๆ ที่รู้จักกันมาหลายเดือนแล้ว นั่นแหละ คือความแตกต่างระหว่างคนอื่น กับคนที่สนใจในตัวเราถ้าจะให้บอกว่าผู้ชายคนนั้นสนใจคุณบ้างรึเปล่าล่ะก็ คุณควรย้อนกลับไปคิด หรือการเจอกันครั้งต่อไปให้ลองสังเกตดูนะว่าเขาชอบถามคำถามอะไรที่ดูเน้นไปถึงตัวคุณบ้างรึเปล่า อย่างเช่น ชอบเรียนวิชาอะไร, ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ, วันหยุดชอบไปเที่ยวไหน, ตอนเด็กเป็นยังไง หรืออะไรอีกหลายคำถามทำนองนี้ จนทำให้คุณเริ่มรู้สึกว่า ” มาสนใจอะไรเรานักหนาเนี่ย ” ถ้ารู้สึกยังงั้นก็ชัดเลยแหละ เขาสนใจคุณไงเล่า! แต่ก็ต้องระวังหน่อย เพราะว่าคนที่ชอบถามเกี่ยวกับเรามากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมาก ก็แค่สนใจอยากรู้จักคุณ แต่ไม่ได้หวังคบระยะยาว หรือไม่ก็เป็นคนที่สนใจแต่ตัวเอง เลยต้องมาถามข้อมูลเพื่อตัดสินใจอะไรแบบนี้
เอาล่ะ พออ่านจบบทความนี้ สาวๆ มีใครในใจที่รู้สึกบ้างรึยังว่า แอร๊ยยย คนนี้แอบชอบเราจริงๆ ด้วยเหรอเนี่ย อะไรแบบนี้บ้างมะ ถ้ามีล่ะก็คุณเป็นฝ่ายเลือก ลองพิจารณาดูแบบไม่ต้องรีบว่า คนคนนั้นจะเหมาะกับคุณจริงมั้ย และถ้าใครยังไม่มีหนุ่มคนไหนแว้บเข้ามาในความคิดล่ะก็ อย่าเพิ่งน้อยใจไป เขาอาจจะแค่เขินๆ ก็ได้ ลุ้นกันต่อไปจ้า!