“ความรัก” ที่ดีต้องเกิดขึ้นจากคนสองคนที่คอยดูแล เอาใจใส่ ทะนุถนอมความรักซึ่งกันและกัน แต่เมื่อถึงวันหนึ่งความรักที่เคยหวานชื่นกลับกลายเป็นขมขื่น คนสองคนที่เคยมอบความรักให้กัน แต่มีอีกคนที่แปรเปลี่ยน ปล่อยให้อีกคนต้องเดียวดาย และต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการประคองความรักนี้ไว้เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่อีกคนกลับไม่สนใจ แถมยังปฏิเสธความรักที่มอบให้ไปอีกด้วย เชื่อเถอะว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้ว “ความรัก” จะถูกปิดตัวลง ซึ่งคุณต้องไม่ปล่อยให้ความความสัมพันธ์แย่ๆ แบบนั้นมากัดกร่อนหัวใจตัวเอง ถึงเวลาคงต้องปล่อยมือคนที่เคยเดินร่วมทางกันมาไปซะ แม้ว่ามันอาจจะทำใจได้ลำบาก แต่เชื่อเถอะว่ามันดีกว่าการไปรั้งเค้าเอาไว้แน่ๆ ในเมื่อคนหมดใจทำยังไงก็ไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ เอาเวลาที่เหลือมาหาวิธีให้ลืมเขา แล้วลองหันกลับมารักตัวเองให้มากขึ้นจะดีกว่าค่ะ
>>ให้เวลากับความเศร้าจนพอแล้วหยุด<<
เรารู้ดีค่ะว่าเวลาที่ต้องเลิกรากับคนที่รักเนี่ยมันทำใจได้ยาก และยิ่งคุณพยายามจะบังคับตัวเองไม่ให้นึกถึงอีกฝ่ายมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งคิดถึงเขามากขึ้นไปอีกเท่านั้น เอาแบบนี้ค่ะเมื่อคุณรู้สึกเศร้า เสียใจก็ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมา อย่าไปเก็บไว้ อยากร้องไห้ก็ร้องซะให้พอ ร้องจนรู้สึกว่ามันมากพอแล้ว เศร้ามาพอแล้ว แล้วจงหยุด ไม่แปลกหลอกค่ะว่าช่วงแรกคุณอาจจะรู้สึกสับสน โกรธ รัก แค้น น้อยใจ พยาบาท และเศร้า ในเวลาเดียวกัน เมื่อรู้สึกแบบนั้นก็ระบายออกมาด้วยการร้องไห้มันจะดีขึ้นแน่นอน จากนั้นรีบเช็ดน้ำตา เดินหน้าหาสิ่งดีๆ เพื่อตัวเองต่อดีกว่าค่ะ ผู้หญิงร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องน่าอายนะคะ แต่ถ้าร้องนานไป ตาบวมไม่สวย ไม่รู้ด้วยนะเออ รีบเช็ดน้ำตา แล้วเดินหน้าค่ะ!
>> คิดถึงตัวเองตอนที่มีความสุข <<
เวลาทุกข์ใจ หรือกำลังเศร้าให้คุณลองนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดดูนะคะ อย่างเช่นช่วงเวลาที่เรายังเป็นเด็ก ได้วิ่งเล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือตอนที่เรียนอยู่มัธยมแล้วได้เฮฮา ได้ทำกิจกรรมสนุกๆ กับเพื่อนๆ ลองเอาเวลามานั่งนึกถึงสิ่งดีๆ เหล่านั้นจะดีกว่าไปนั่งนึกถึงคนที่ทำให้เราทุกข์และเศร้าใจ เรียกเอาช่วงเวลาแห่งความสุขในช่วงนั้นกลับคืนมา คนเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกให้ตัวเองมีความทุกข์เสมอไปนะคะ อะไรที่คิดแล้วสุขก็ให้คิดเลย วางเค้าวางความเศร้าลงซะแล้วเดินออกมา ความรักที่ดีต้องไม่ทำให้จิตใจเราทุกข์ทรมานค่ะ จำไว้! แน่นอนว่ามันอาจเป็นเรื่องปกติที่รักแล้วก็ย่อมต้องมีทุกข์บ้าง แต่ขอให้ทุกข์แบบพอดี อย่าถึงขั้นจะเป็นจะตายเพราะความรักเลย ถ้าความรักครั้งใดที่ทำให้เราเป็นแบบนั้น แปลว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ
>> ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง <<
ความเจ็บปวดจากการปล่อยมือคนที่หมดรักเราแล้วให้เดินจากไปบางทีอาจกลายเป็นพลังผลักดันให้คุณได้ก้าวไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้นก็ได้ เอาแบบนี้ค่ะลองตั้งเป้าหมายเอาไว้สักหนึ่งอย่างก่อนว่าอยากทำอะไร เช่น อยากได้รถคันใหม่ อยากเลื่อนตำแหน่งงาน อยากเรียนภาษาเพิ่มเติม หรืออยากไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวในช่วงปลายปี เชื่อมั้ยคะว่าช่วงเวลาที่คุณกำลังโสดนี่แหละเป็นช่วงที่จะพัฒนาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายได้เร็วมากขึ้น มีเวลาทำตามความฝันได้มากขึ้น เอาเป็นว่าถือว่าเป็นโอกาสดีไปซะอีกนะคะ อ่ะ เริ่ม!
>>ลองหันมาให้เวลากับตัวเองดูบ้าง <<
ช่วงเวลาที่กำลังสับสนและวุ่นวายในหัวใจจากการจากไปของใครคนหนึ่ง ให้คิดแบบนี้ค่ะว่าในเมื่อเค้าคนนั้นไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับกับเราแล้ว เราจะทำอะไรได้มากไปกว่าการ “ปล่อย” ลองนั่งทบทวนกับตัวเองดูนะคะว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของการจบลงแบบนี้ อะไรที่ทำให้คนสองคนไปต่อกันไม่ได้ และเมื่อเราคิดแล้วว่าเราเป็นฝ่ายที่ทุ่มเทความรักไปให้เค้าเยอะมาก แต่ไม่ค่อยได้รับความรักกลับมา จงเข้าใจเถอะค่ะว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากคุณ และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จากนั้นก็เดินหน้าทำให้หัวใจกับความคิดของคุณเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากสถานการณ์เป็นแบบที่ว่าคือคุณเป็นฝ่ายมอบรักให้ฝ่ายเดียว ไม่ตอนนี้ก็ต้องมีสักวันที่ต้องเลิกราค่ะ อย่ามัวเสียเวลารั้งกันไว้เลย!
>> ทำกิจวัตรที่เคยให้เป็นกิจวัตรใหม่ๆ <<
เชื่อมั้ยคะว่าการปรับกิจวัตรที่เคยทำจะช่วยแก้ปัญหาการตอบสนองทางอารมณ์ที่ทำให้คุณทุกข์ใจลงได้ รวมถึงการลองลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตดูใหม่ เช่น การสลับเอาพ่อแม่ พี่น้อง คนในครอบครัว หรือเพื่อน ขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรใหม่ๆ และในที่สุดคนที่เดินจากคุณไปเค้าจะถูกลดลำดับลงไปเองโดยอัตโนมัติ พูดง่ายๆ ก็คือพฤติกรรมและกิจวัตรใหม่ๆ ที่คุณสร้างมันขึ้นมาจะทำให้ค่อยๆ ลืมคนๆ นั้นได้เอง และคุณต้องเชื่อมั่นด้วยว่าวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน เพราะนั่นจะเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะขับเคลื่อนให้คุณมีแรงใจปรับกิจวัตรไปเรื่อยๆ นั่นเอง
>> เลิกเศร้าแล้วเริ่มเข้าสังคม <<
การอยู่คนเดียวจะทำให้ความคิดของคุณวนเวียนอยู่กับเรื่องของอีกฝ่ายมากขึ้น ลองลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยๆ แล้วออกไปพบปะเพื่อนๆ หรือใช้เวลาอยู่กับคนใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัวให้มากขึ้น เพราะเมื่ออยู่กับคนอื่นๆ บทสนทนากับกิจกรรมของคนรอบข้างจะเป็นตัวที่พาคุณออกจากห้วงความคิดเหล่านั้นได้เอง หรือใครอยากลองเปลี่ยนมาเป็นการออกกำลังกายก็ดีนะคะ เพราะหากร่างกายได้หลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมาตอนออกกำลังจะทำให้จิตใจที่หนักอึ้งและอาการย้ำคิดย้ำทำทุเลาเบาบางลงจนค่อยๆ หายไปเอง แถมผลพลอยได้ก็คือหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์มอีกด้วย คุณจะรู้สึกได้ชัดว่าช่วงนี้ได้กลับมารู้สึกดีๆ กับตัวเองอีกครั้งและรักตัวเองมากขึ้น
>> ค่อยๆ เปิดใจ คุยกับใครสักคนที่รู้สึก OK <<
เข้าใจค่ะว่าการตัดใจ และลบอีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจนั้นต้องใช้ระยะเวลา ไม่ใช่วันหรือสองวันจะทำได้ แต่หากคุณลองเปิดใจและได้พูดคุยกับใครสักคนที่รู้สึกว่าคุยแล้วสบายใจ ก็ไม่ผิดหลอกค่ะที่จะเริ่มต้นใหม่อีกสักครั้ง แต่ขอเตือนว่าต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะคะ อย่ากดดันตัวเองมากนัก หรือคิดว่าจะต้องรีบหาใครสักคนมาแทนที่คนเดิม รอไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะเจอคนที่รู้สึกว่าน่าจะใช่จริงๆ อย่าคบหรือคุยกับใครเพียงเพื่อคลายเหงา หรือหาใครสักคนมาเพื่อแทนใคร แบบนั้นไม่โอเคเลยค่ะ ระหว่างที่รอคนดีๆ เข้ามา ก็หากิจกรรมอะไรที่ชอบทำไปเรื่อยๆ หรือออกไปเจอเพื่อนๆ ไปสังสรรค์กับคนสนิทๆ ก่อนก็ได้ ไม่แน่คนที่ใช่อาจจะรออคุณยู่แถวๆ นั้นก็ได้น๊า
>> ตั้งจิตอธิษฐานและขออโหสิกรรม <<
เอาล่ะค่ะ มาถึงข้อสุดท้ายที่อยากให้ทุกคนลองทำกันดู เรามาตบท้ายด้วยการเอาหลักพระพุทธศาสนามาใช้กันดีกว่าเริ่มต้นเลยคือเราต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าการที่คนๆ หนึ่งได้เดินเข้ามาเข้ามาทำให้ชีวิตเราแย่ ทำให้เราต้องทุกข์ใจ ต้องโศกเศร้านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทั้งเราและคนๆ นั้นมีเวรกรรมผูกพันกันมา ดังนั้น จงอย่าไปถือโทษโกรธเค้าเลยที่ทำให้เราเสียใจเลย อโหสิกรรมกันไปจะดีกว่า คิดเสียว่าคนเราถ้าไม่ใช่คู่กันจริงๆ โชคชะตาจะต้องพัดพาคนผู้นั้้นออกไปจากชีวิตเรานั่นเอง คิดแบบนี้ได้รับรองสบายใจค่ะ
เอาล่ะค่ะก็ขอฝากข้อคิดเกี่ยวกับการ “ปล่อย” คนที่ไม่ได้รักเราแล้วให้เค้าได้เดินจากไป ไว้เท่านี้ และพอพูดถึงเรื่องนี้เสร็จ เพลง “เจ็บแต่จบ” ก็ดังเข้ามาในหูพอดีเลย ช่างเหมาะเจาะ ได้ยินเนื้อหาของเพลงท่อนที่ร้องว่า “ถ้ามันจะเจ็บแล้วมันจะจบ…ต้องเจ็บเท่าไรก็ยอม…แต่ถ้าค่อยๆ เจ็บแล้วค่อยๆ ทรมาน…ต่อไปอีกนานแสนนาน ฉันไม่ยอม” เนื้อหาช่างเข้ากันกับเรื่องที่บอกไปซะจริงๆ
เอาล่ะค่ะทุกคน ทุกสิ่งที่บอกไปแต่ละข้อนี้มันเป็นสิ่งที่ต้องทำนะคะ และต้องทำอย่างจริงจังด้วย ความตั้งใจเท่านั้นที่จะทำให้คุณลืมความทุกข์ และความเศร้าจากคนรักที่ปล่อยมือกันไปได้ อยากหลุดพ้นจากความรักที่คอยทำร้ายเราก็ต้องทำสิ่งที่จะทำให้ทันหายไปค่ะ อย่ามัวมานั่งอ่อนแออยู่เลย มันเสียเวลา ถ้าเรายังจมกับความอ่อนแอ พรุ่งนี้หรือวันไหนก็ตัดใจและทำใจไม่ได้สักทีแน่ๆ ลองดูนะคะ อาจต้องใช้เวลา แต่เชื่อค่ะว่า ทำได้!