วิธีรักษา(ใจ)ตัวเองให้ได้ผล
1. ยอมรับความจริง เป็นสิ่งแรกและสิ่งสำคัญที่สุด
นั่นคือ “ยอมรับความจริง (เถอะ) ว่าเค้าไม่อยู่กับเราแล้ว” และนี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
หลายคนติดไม่สามารถไปต่อในชีวิตได้เพราะยังยึดติดอยู่กับระยะต่อรองว่า สักวันเราอาจจะได้กลับมาดีกัน ความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม
2. หยุดหมกมุ่นกับสิ่งที่จะทำให้ทุกข์ใจ
สิ่งที่พบได้เป็นประจำคือการย้ำคิดซ้ำๆ กับเรื่องความรัก คำถามคลาสิคที่คนรักคุดมักถามซ้ำๆ คือ “ทำไม” เช่น “ทำไมเค้าทำแบบนี้” “ทำไมเค้าเลิกกับเรา” “ทำไมคู่อื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้” “ชั้นดีเกินไปยังไง ดีแล้วทำไมถึงเลิก” ฯลฯ คำถามพวกนี้ส่วนใหญ่มักหาคำตอบจริงๆ ไม่ได้ หรือรู้ไปก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร (ก็เลิกกันเหมือนเดิมอยู่ดี) เพราะคำถามเหล่านี้เกิดจาก อารมณ์ เป็นหลัก ไม่ได้เกิดจากเหตุและผล
3. เอาสิ่งซ้ำเติมแผล(ใจ)ออกไป
สิ่งใดที่เห็นแล้วช้ำใจ หรือกระตุ้นให้คิดวนเวียนแต่เรื่องเดิมๆ ก็ควรเอาออกให้หมด รูปถ่าย ของขวัญ อะไรที่จะทำให้นึกถึงก็เก็บไปให้หมด (จะทิ้งก็ได้หรือเก็บซ่อนไว้ก่อนก็ได้หากเสียดาย) และที่สำคัญสำหรับยุคสังคมออนไลน์ ก็อย่าลืมบล็อกหรือซ่อนเฟสบุ๊ค และอื่นๆ ด้วยนะครับ โดยพฤติกรรมที่ห้ามทำเลย (แต่พบได้ประจำ) คือการไปแอบส่องเฟสบุ๊คอดีตแฟนเป็นระยะ และพยายามหาทางติดต่อนิดๆ หน่อยๆ (ซึ่งหากเค้าไม่ตอบ ก็ช้ำใจ บางทีอีกฝ่ายตอบมาแบบเป็นมารยาทเฉยก็คิดไปเองอีกว่ามีความหวัง โดยเฉพาะในคนที่อยู่ในระยะต่อรอง) สิ่งซ้ำเติมใจ นี่รวมถึงพวกเพลงอกหักด้วยนะครับ อกหักก็เจ็บอยู่แล้วอย่าไปซ้ำเติมอีกด้วยเพลงอกหัก
4. กลับไปทำสิ่งที่ต้องทำ
หลายคนเมื่อเลิกกันใหม่ๆ อาจจะเสียใจจนไม่ไปเรียน ไม่ทำงาน ไม่ทำงานบ้าน ซึ่งอาจเป็นได้ในช่วง 1 อาทิตย์แรก แต่หลังจากนั้นให้พยายามกลับไปทำให้ได้เร็วที่สุด แม้จะรู้สึกว่าไม่มีอารมณ์หรือไม่อยากไปก็ตาม เพราะการหยุดอยู่บ้านมักไม่ช่วยอะไร ซ้ำยิ่งว่างก็ยิ่งนึกถึงเข้าไปอีก
5. หากิจกรรมบันเทิงให้กับชีวิต
เมื่อรักสิ้นสุด แน่นอนว่าอารมณ์ที่ครอบงำเราจะเป็นความเศร้า ดังนั้นแล้วอย่าปล่อยให้มันครอบงำเรามากเกินไป ให้หากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข เช่น ไปดูหนัง เที่ยวต่างจังหวัด ออกกำลังกาย หรือออกไปกินข้าวกับเพื่อน เป็นต้น
6. มีที่ปรึกษาที่ดี
ไม่แปลกที่ในช่วงเยียวยาจิตใจนี้ บางครั้งเราจะอยากระบาย หรืออยากปรึกษาบางอย่าง ให้หาเพื่อนสักคนสองคนที่เราสามารถระบาย บ่น และสามารถให้คำปรึกษากับเราได้ หลายครั้งคนที่คิดหมกมุ่นกับความรักมักมองโลกไม่ตรงจริง หรือกระทั่งหลอกตัวเอง เช่น บางคนส่งไลน์ไปแล้วเค้าตอบกลับมา ก็อาจหลอกตัวเองว่า เห็นไหม เค้ายังมีใจ ทั้งๆ ที่เป็นเพียงการตอบธรรมดา ซึ่งเพื่อนที่เป็นคนนอกมักมองเห็นตามความเป็นจริงมากกว่า
7. หยุดโทษตัวเอง
เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน จะรักจะเลิกก็เป็นเรื่องของความเข้ากันได้ของคนสองคน การเข้ากันไม่ได้ก็คือเข้ากันไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าเราเป็นฝ่ายผิดโดยสมบูรณ์ ในช่วงรักษาใจนี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษตัวเองว่าเราแย่ หรือมันเป็นความผิดของเรา
8. ปรับตัวใหม่กับชีวิตโสด
การกลับมาโสดก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งของชีวิต เหมือนเราเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ แรกๆ หลายคนย่อมไม่ชิน โดยเฉพาะคนที่มีคู่มานานๆ ซึ่งก็ต้องปรับตัวกันไป เคยกินข้าวข้างนอกกับแฟนสองคนมาตลอด ก็ต้องเปลี่ยนไปกินกับเพื่อนบ้าง ชีวิตเคยเลิกงานแล้วก็อยู่กับแฟนตลอด ก็คงต้องเปลี่ยน เช่น ไปออกกำลังกายตอนเย็น หรือไปกับเพื่อนที่ทำงานแทน เป็นต้น การที่เราเป็นโสดก็ต้องปรับให้ใช้ชีวิตแบบคนโสด อย่าพยายามใช้ชีวิตแบบเหมือนยังมีคู่
9. ใจเย็นและอดทน แน่นอนว่าอกหัก หรือเลิกกันไม่ได้หายใน 2-3 วันแน่ๆ โดยปกติมักใช้เวลาหลายเดือนถึงจะทำใจได้
การทำใจได้ในเวลาสั้นๆ มักเป็นการหลอกตัวเอง หรือเก็บกดความรู้สึกไว้อย่างมากซึ่งไม่เป็นผลดี แ ผ ล ใ จ ก็ไม่ต่างจาก แ ผ ล ทางกาย เวลาจะค่อยๆ เยียวยาให้แผลค่อยๆ หายดี แต่ครับ! สิ่งสำคัญคือเราก็ต้องช่วยดูแล และไม่ซ้ำเติมบาดแผลเช่นกัน
10. พบแพทย์หากไม่ดีขึ้น
บางครั้งความเศร้าโศกจากการเลิกรา อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นหากเวลาผ่านไปหลายเดือนก็แล้วยังไม่ดีขึ้น อาการเป็นมากจนไม่เป็นอันทำอะไรติดต่อกันนานหลายสัปดาห์ หรือมีความคิดฆ่าตัวตายซ้ำๆ ก็ควรไปพบแพทย์ครับ การรักษาจะช่วยให้อาการดีขึ้น
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเดือนแห่งความรักนะครับ ไม่ว่าจะมีคู่หรือไม่มีคู่ก็ตาม