ชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ความรักอย่างเดียว…มันไม่พอ” ยิ่งเมื่อเราโตขึ้นหรือเคยอกหักช้ำรักมาก่อนแล้วเนี่ย มันจะมีจุดๆ หนึ่งที่ค้นพบว่าทฤษฎีนี้มันจริงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ!! บางคู่แรกๆ นี่รักกันหวานชื่นจนมดแทบขึ้น แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการแยกทางกัน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะ เพราะชีวิตคู่ของคนสองคนยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่างที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรักเลยล่ะค่ะ ถ้าใครอยากรู้แล้วว่าจะมีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่ทำให้ชีวิตคู่ไปกันรอดล่ะกัน ตามมาดูกันได้เลย <3
1. ไลฟสไตล์ & ทัศนคติ
บางคนปิ๊งกัน คบกัน เพราะ “ไลฟสไตล์” ตรงกัน แต่บางคนคบกันเป็นแฟนไปแล้วเพิ่งจะรู้ว่า รสนิยม ความชอบ หรือทัศนคติไม่ตรงกัน ใครที่เป็นแบบนี้แล้วมัวแต่หงุดหงิดหรือไม่พอใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นล่ะก็ แน่นอนว่าสักวันก็ต้องทนกันไม่ได้ แต่คนเราไม่จำเป็นต้องชอบอะไรเหมือนกันเท่านั้นนะถึงจะคบกันได้ มันขึ้นอยู่ที่การหาจุดกึ่งกลางระหว่างพวกเธอทั้งสองคนมากกว่า แทนที่จะไปบังคับให้เขาชอบหรือคิดอะไรเหมือนเรา ลองหาวิธีปรับตัวเข้าหากันดีกว่า คู่รักที่ต่างกันแต่รับฟัง & สนับสนุนความชอบของอีกฝ่ายน่ะน่ารักจะตาย
2. ความเข้าใจ
ต่อให้รักกันมากแค่ไหนถ้าขาด “ความเข้าใจ” ก็ไปกันไม่รอดหรอกค่ะ!! รักกันก็ต้องทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันด้วยสิถึงจะคบกันได้ยืด เริ่มจากการทำความเข้าใจในตัวตนของคนรักทั้งข้อดี – ข้อเสียก่อนเลย เมื่อเข้าใจและยอมรับก็จะทำให้รักและผูกพันกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องผิดใจกันก็ต้องค่อยๆ พูดคุยกันด้วยความเข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราเยอะๆ เชื่อสิว่าทะเลาะกันน้อยลงแน่นอน แต่ถ้าหากว่าสาวๆ รับข้อเสียของแฟนหนุ่มไม่ได้แนะนำให้เปิดใจพูดคุยกันตรงๆ เค้าอาจจะมีปมในใจที่หล่อหลอมออกมาเป็นข้อเสียนั้นก็ได้นะ ถ้าไม่คุยกันก็ไม่มีวันเข้าใจกันหรอกค่ะ
3. ฐานะ
พูดกันแบบตรงๆ เลยว่า “ฐานะ” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการคบกันไม่มากก็น้อยเลยล่ะ เพราะฐานะที่ต่างกันมีส่วนทำให้การใช้ชีวิต ทัศนคติและไลฟสไตล์บางอย่างต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะไปกันไม่รอดเสมอไปนะ เรื่องแบบนี้ต้องปรับตัวเข้าหากันคนละครึ่งทางค่ะ ถ้าคบกันแล้วไม่อึดอัด ไม่เบียดเบียน หรือไม่แสดงท่าทีเห็นแก่ตัวใส่กันก็ไม่มีปัญหา ต่างคนต่างขยันทำมาหากิน ช่วยกันเก็บหอมรอมริบ สร้างฐานะไปพร้อมๆ กันมันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะไปกันรอดอยู่แล้วล่ะค่ะ
4. ครอบครัว & สังคม
ถึงแม้ว่าความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อความสัมพันธ์จริงจังมากขึ้นหรือคบกันมานานแล้วก็ต้องมีการพาคนรักไปเปิดตัวกับ “ครอบครัวและเพื่อนๆ” ซึ่งเวลานี้แหละที่จะทำให้เธอได้รู้จักกับชีวิตอีกด้านหนึ่งของเขา ได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตตอนอยู่กับครอบครัวและเพื่อนแบบไหน นิสัยของคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ของเขาเป็นยังไง ถ้าเธอและพวกเขาเข้ากันได้ดีก็อุ่นใจได้เลย แต่ถ้าหากว่าคบกันจริงจังถึงขึ้นจะแต่งงานแต่ครอบครัวของเขาเกิดไม่ชอบเธอขึ้นมาก็ต้องตัดสินใจดีๆ เลยล่ะ เรื่องภายในครอบครัวนั้นค่อนข้างละเอียดอ่อนค่ะ
5. เซ็กส์ & การสกินชิพ
ความรักกับเซ็กส์ไม่ใช่ของคู่กัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เซ็กส์ & การสกินชิพ” เป็นส่วนประกอบหนึ่งของความรัก และถ้าหากว่าเธอสองคนมีทัศนคติและรสนิยมที่ไม่ตรงกันในเรื่องนี้ก็อาจทำให้เกิดความอึดอัดจนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ สมมติว่าเธอมีแฟนหนุ่มที่เป็นคนชอบสกินชิพ ไม่ว่าจะกอด หอม หรือจับมือ แต่เธอดันเป็นผู้หญิงถือตัวหรือขี้รำคาญก็อาจทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเฟลได้ ฉะนั้นแล้วอย่าซุกปัญหาไว้ใต้เตียงแต่ให้เปิดใจคุยกันและจูนเข้าหากันจะทำให้ความรักยืดขึ้นนะ
ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อนฉะนั้นต้องหมั่นทำความเข้าใจกันและกันให้มากๆ จะได้รักกันได้ดีขึ้น การที่คนสองคนมาเจอกัน คบกัน ก็ต้องมีการเรียนรู้กันและปรับตัวเข้าหากัน แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนตัวเองจนรู้สึกอัดอัด หรือสูญเสียความเป็นตัวเองไปทั้งหมด แบบนั้นจะทำให้ไม่มีความสุขกันทั้งคู่ เอาเป็นว่าหาจุดที่พอดีซึ่งกันและกันแล้วความรักจะลงตัวมากขึ้นเองค่ะ : )