ไม่คาดหวังให้ “คู่ชีวิตต้องดีที่สุด”ขอแค่ “คู่ชีวิตที่เข้าใจกัน” ก็พอ
“แม้นมีวาสนา”
ขอแค่บ้านแสนสงบสุข
ไม่หวังอัครสถานหลังโตมั่นคง
หากแต่แข็งแรง อบอุ่นด้วย ความรักใคร่กลมเกลียว
ไม่หวังบ้านสวยงามเลิศหรู
หากแต่งามหมดจรด ด้วยจิตใจ ของครอบครัวที่ปรารถนาดีต่อกัน
ไม่หวังพร้อมสรรพ สิ่งแวดล้อมแห่งสวนสวรรค์
หากแต่เป็น สังคมเอื้อเฟื้อ รายล้อมด้วยเพื่อนบ้านเป็นมิตร
ขอแค่มีคู่ชีวิต ที่เข้าใจกัน ไม่หวังว่าต้องดีที่สุด
หากแต่ดีสมกัน ศีลเสมอกัน
ไม่หวังว่าสวย หล่อลากดิน
หากแต่เดินไปด้วยกันแล้วส่งเสริม
ไม่หวังเป็นช้างเท้าหน้า-เท้าหลัง
หากแต่เดินเคียงกันไปในทุกวัน ดี ร้าย ด้วยรอยยิ้ม
ขอแค่มีงาน ที่รักเป็น เสาหลัก รายได้ ไม่หวังงานที่มีหน้ามีตาอวดใครๆ
หากแต่เป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข นายดี เพื่อนดี ลูกน้องดี
ไม่หวังรายได้มหาศาล
หากแต่ สมความสามารถติดตัว เลี้ยงดูครอบครัวได้
สำคัญคือไม่มีหนี้สิน จากสินทรัพย์เสื่อมราคา เพื่อรักษา หน้าตาในสังคม
ขอแค่ บั้นปลาย แห่งชีวิตที่สุขภาพดี
ไม่หวังปั้นปลาย ประสบความสำเร็จ เป็นตำนาน
หากแต่มีสุขภาพ ที่ดีตามวัย
ไม่มีโรคภัย ไข้เจ็บ ทรมานตัวเองและคนรอบข้าง
ไม่หวังลูกหลาน คลานหมอบ รอรับมรดก สมบัติเอาหน้า
หากแต่ลูกหลานรักรู้คุณ
น้อมรับมรดกแห่ง “วาสนา” ต่อไปเป็นมรดกล้ำค่า
ขอแค่ลูกเป็นคนดีของสังคม
ไม่หวังยัดเยียดให้ลูกเป็นที่หนึ่งในทุกด้าน
หากแต่มีปัญญาเอาตัวรอดเลี้ยงดูตัวเองได้
ไม่หวังให้ลูกโดดเด่นนำสมัย
หากแต่ อ่อนน้อม ถ่อมตน รู้กาลเทศะ
มีมารยาท จนใครๆที่ได้รู้จักเมตตาเอ็นดู และสำคัญ คือ มีปัญญาแยกแยะ ชั่ว-ดี
อย่าให้ใครด่ามาถึงพ่อแม่ว่า “ไม่สั่งสอน” สุดท้ายหากยังเหลือ “วาสนา” ไม่หวังงาน ศ พ แ ห่งเกียรติยศ
หากแต่ ลมหายใจสุดท้าย ที่สงบ พร้อมหน้าลูกหลาน ร่ำลา
ตั้งจิตอธิษฐาน จะทำให้ได้ ดั่งหวัง ด้วยขอให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นองค์พยาน ในมุ่งมั่น
มิใช่ดลบันดาล ตั้งใจกราบ พระผู้ปฏิบัติดี เพื่อชี้แนะเข็มทิศทางไปสู่ “วาสนา”
มิหวัง ปาฏิหาริย์ แห่ง คุณวิเศษ คุณพระ
บทสรุปแห่ง?มี หรือ ไม่มี “วาสนา” นั้นไซร้
เราทุกคนล้วน เลือกได้เอง อย่างแท้จริง