ไม่แปลกที่เมื่อความรักเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง มักจะเริ่มมองหาอนาคตที่จะเดินต่อไปด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มคิดถึงเป้าหมายชีวิตร่วมกัน การใช้ชีวิตร่วมกัน หรือแม้กระทั่งความมั่นคงในแง่มุมต่างๆ ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าคนสองคนมองไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าแค่คนใดคนหนึ่งที่คิดถึงอนาคต ส่วนอีกคนขอแบบที่เป็นอยู่นี้ก็ดีอยู่แล้ว…ความรักจะเดินหน้าต่อไปยังไง ?
เมื่อความรักของเธอเดินทางมาถึงปีที่ 8 เมื่อก่อนสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับการคบกัน แต่พออายุเริ่มมากขึ้นก็ไม่แปลกที่เธอจะเริ่มมองหาอนาคตและความมั่นคงในชีวิต ซึ่งหาไม่ได้จากแฟนของเธอ เค้าเรียนไม่จบ งานไม่ทำ อยู่กับที่บ้านเลยไม่ได้ต้องใช้จ่ายอะไรมากมาย
ข้อดีของเค้าก็คือเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ไม่เคยเจ้าชู้ ไม่เคยทำให้ต้องเสียใจ พูดเพราะ ดูแลเอาใจใส่ ตามใจทุกอย่าง ส่วนข้อเสียมีเพียงอย่างเดียวคือ “พึ่งพาไม่ได้”
เธอคิดว่าคนวัย 30 ต้นๆ ควรต้องมีอะไรในชีวิตบ้างแล้ว อย่างน้อยก็ควรต้องมีงานเพื่อเลี้ยงตัวเอง ก่อนหน้านี้เคยคุยกันถึงอนาคตบ้าง ให้เค้าหางาน แต่ก็ไม่เคยกระตือรือร้น จนเธอต้องเป็นคนพาไปสมัครงาน แต่ทำได้ไม่นานก็ลาออก วนเวียนแบบนี้อยู่หลายครั้ง จากนั้นเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้เธอต้องคิดหนัก
รักก็รัก…แต่ไม่รู้ว่าถ้าคบกันต่อไป ชีวิตจะไปจบลงที่ตรงไหน เพราะเธอเป็นคนมีฝัน และไม่ได้คิดว่าต้องให้ผู้ชายเลี้ยงดูอยู่แล้ว แต่ที่เห็นและเป็นอยู่ตอนนี้ทำให้ไม่มั่นใจว่าเค้าจะยืนหยัดด้วยตัวเองได้เลย จะไปต่อตามที่หัวใจต้องการ แต่สมองก็คอยเหนี่ยวรั้งเอาไว้ตลอดเวลา
ปัญหาก็คือจะคบกับคนดี แต่ดูท่าว่าจะไม่มีอนาคตต่อไปดีไหม ?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาชีวิตกว่า 90% มักจะเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ พอการใช้จ่ายมีปัญหาก็ส่งผลกระทบไปยังเรื่องอื่นๆ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
อนาคตและความมั่นคงที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ก็คือเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ว่านั่นแหละ แต่เอาเข้าจริง…คนเราจะมีความรักทั้งที หาดีๆ ไม่ได้ ก็อย่ามีมันเลย ถ้ามีความรัก มีคนเข้ามาในชีวิต แต่คนๆ นั้นคอยฉุด คอยดึง คอยรั้งให้ชีวิตเรามีแต่แย่ลง หรืออย่างน้อยก็เหมือนเดิมแบบไม่มีอะไรดีขึ้น ก็ควรต้องคิดแล้วว่าเราจะรักไปทั้งแบบนั้นดีแล้วงั้นหรือ
เรื่องจริงในยุคสมัยนี้ก็คือ ถ้าจะมีใครสักคนเดินเข้ามาในชีวิต อย่างน้อยก็ควรทำให้ชีวิตดีขึ้นไม่ว่าด้านใดก็ด้านหนึ่ง เรื่องเงิน เรื่องฐานะ อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไปก็จริง แต่ต้องมีสักอย่างที่คนๆ นั้นทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เช่น หน้าที่การงาน ชีวิตความเป็นอยู่ งานอดิเรก ครอบครัว ไลฟ์สไตล์ หรืออะไรก็ได้
อย่างน้อยที่สุดใครคนนั้นจะต้องอุปถัมภ์ค้ำจุนกัน ถ้าไม่มีแผน…ไม่เป็นไร หรือไม่เคยคิดถึงอนาคต…ก็ไม่เป็นไรอีก แต่ต้องเป็นผู้ซัพพอร์ตที่ดี เข้าใจว่าคนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อวางแผนหรือคิดการณ์ใหญ่ และไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะจะเป็นผู้นำ ถ้านำไม่ได้ก็ต้องเป็นผู้ตามและคนเคียงข้างที่ดี โลกสมัยนี้ทุกคนเท่าเทียม การที่คนใดคนหนึ่งคิดถึงอนาคตและความมั่นคงมากกว่าไม่ใช่เรื่องผิด หรือการที่อีกคนไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
คนเรามีแนวคิดและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันเสมอ แม้แต่คนรักกันก็ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน แต่มันต้องมีสมดุลที่พอดีถึงจะไม่มีปัญหา ในความสัมพันธ์ฉันคนรักกันก็แบบนี้ คิดมากไปก็ทุกข์ ไม่คิดเลยก็ดูเห็นแก่ตัวเกินไป
กลายเป็นว่าถ้าคบกันต่อไป อาจกลายเป็นเราเองที่ต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ เพราะปัญหาเดิมๆ จะวนเวียนเข้ามาไม่รู้จบ เราเองก็จะมีคำถามตลอดเวลาว่าทำไมเค้าไม่ทำแบบนั้น ทำไมเค้าไม่ทำแบบนี้ ทำไมทำตัวแบบนี้ ทำไม ทำไม และทำไม ซึ่งเมื่อเกิดคำถามขึ้นมามากมายแบบนี้ ก็เป็นเราอีกนั่นแหละที่ต้องทุกข์ใจและตอบไม่ได้ว่าจะคบกันต่อไปเพื่ออะไร
ทางออกที่ดีสุดอาจมีแค่การพูดคุยกันให้เข้าใจ คิดอะไรก็พูดไปตามตรง ต่างคนต่างยื่นข้อเสนอของเสนอตัวเอง รับได้ที่ตรงไหนก็แค่บอกให้กันรู้ มันก็ง่ายๆ แค่นั้น
เอาจริงๆ ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าแค่เค้าพร้อมสนับสนุนในทุกอย่างที่เธอคิดและต้องการ ยังไงความรักก็เป็นเรื่องของการร่วมทุกข์และร่วมสุข ประคับประคองกันไปในทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา คนสองคนต้องเป็นทั้งคนรัก ทั้งเพื่อน ทั้งผู้ปกครองที่คอยเตือนกัน และตัดสินใจอะไรต่างๆ ร่วมกัน
เพราะฉะนั้นตอนนี้อาจจะยังมองไม่เห็นทาง แต่อนาคตมันสร้างด้วยกันก็ได้นี่นา