สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน กลับมาพบกันเป็นประจำทุกวันเช่นเคยกับเรื่องราวสาระดีๆ สำหรับบทความนี้เราจะขอพาเพื่อนๆทุกคนมาพูดคุยกันเรื่องความรักความสัมพันธ์ในประเด็นที่เราเชื่อว่าผู้ชายหลายคนต้องการจะทราบคือ “เราควรแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่?” ซึ่งหากจะอ้างอิงจากผลการสำรวจในทานสถิติการแต่งงานของประชากรไทยพบว่าอายุเฉลี่ยของคนไทยที่แต่งงานครั้งแรกอยู่ที่ 26.7 ปี ซึ่งการแต่งงานในช่วงอายุเท่านี้ใช่ว่าจะเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดเพราะจากการศึกษาวิจัยพบว่าช่วงอายุที่เหมาะแก่การแต่งงานมีครอบครัวที่สุดคือช่วงอายุ 28-32 ปี เพราะการแต่งงานที่ช่วงอายุนี้มีแนวโน้มที่คู่รักสามารถครองรักกันได้ยั่งยืนกว่า ซึ่งสถิติดังกล่าวนี้มีเหตุผลอะไรมารองรับเราลองมาดูกันเลยครับ
#1. เป็นช่วงอายุที่มีความเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง
ที่กล่าวเช่นนั้นก็เพราะอายุในช่วงนี้เป็นช่วงที่เราสามารถจะจัดการกับอิทธิพลที่มีผลต่อการตัดสินใจเรื่องคนรักได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว หากเรามองย้อนกลับไปในอดีต ลองดูตัวเราในช่วงที่เราเริ่มแอบชอบใครสักคน จนกระทั่งได้จีบ ได้ลองคบหาดูใจกัน แล้วก็เลิกรากันไปกับผู้หญิงหลายต่อหลายคน ช่วงเวลานั้นถือได้ว่าฮอร์โมนเพศ และความไร้เดียงสาอ่อนประสบการมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกของเรา เราได้รับความเจ็บปวดชอกช้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เรามีประสบการณ์และแข็งแกร่งในเรื่องความรักมากขึ้น พออายุล่วงเลยมาถึงช่วงนี้จึงถือว่ามีความพร้อมอย่างยิ่งทั้งด้านวุฒิภาวะและประสบการณ์ที่สามารถใช้ในการเลือกคู่ชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างแท้จริง
#2. เป็นช่วงที่คุณเริ่มจริงจังกับชีวิต
จากการที่ได้ใช้ชีวิตแบบคนโสดอย่างสนุกสนานเต็มที่กับชีวิตมานานหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีตอนช่วงอายุ 20 ปีต้นๆ คุณคงได้ทำงานหาประสบการณ์ เที่ยวกลางคืน ท่องราตรี ออกหาประสบการณ์ในโลกกว้างมาจนเต็มอิ่มแล้ว ถึงช่วงเวลาที่คุณอายุ 28-32 ปีจะเป็นช่วงเวลาที่คุณเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับชีวิตคนโสด คุณจะเริ่มอยากตั้งหลักปักฐานสร้างครอบครัวกับใครสักคนที่คุณคิดว่าเป็นผู้หญิงที่ดี สามารถใช้ชีวิตร่วมกันคุณได้ และคุณก็กำลังเริ่มมองหาผู้หญิงคนนั้น
#3. เป็นช่วงเวลาที่คุณเริ่มมีการงานที่มั่นคง
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาหลายคนอาจจะหลักลอย เอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้ หลายคนเปลี่ยนงานหลายที่ก็ยังไม่พบงานที่ใช่สำหรับตัวเองซักที แต่พออายุล่วงเลยมาถึงช่วงนี้เราเชื่อว่าหลายคนคงจะได้พบเส้นทางชีวิตของตัวเองและเริ่มต้นทำมันอย่างจริงจังจนสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้อย่างมั่นคงแล้ว การจะหาคู่ชีวิตสักคนมาร่วมทุกข์ร่วมสุขที่คุณสามารถดูแลเธอได้เป็นอย่างดีก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัส หรือเกินความสามารถของคุณแต่อย่างใด
#4. คุณเริ่มมีเงินเก็บ มีกองทุนสำรองสำหรับตัวเองและครอบครัว
การมีงานที่มั่นคงสามารถมั่นใจได้ว่าเลี้ยงชีวิตตัวเองไปได้อีกนานเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่เพียงพอให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้ แต่การมีเงินเก็บสำรองในจำนวนมากเคียงคู่กับงานที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงต่างหากล่ะที่จะทำให้คุณกล้าตัดสินใจที่จะมีครอบครัว ซึ่งคนในวัยนี้ส่วนใหญ่เริ่มที่จะมีความพร้อมในระดับนั้นแล้ว เพราะหากช่วงเวลาเกือบสิบปีที่ทำงานผ่านมาคุณไม่เที่ยวมากจนเกินไปก็คงจะมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำแล้วใช่มั้ยล่ะครับ
#5. เป็นช่วงเวลาที่คู่รักยังสามารถปรับตัวเข้าหากันได้
วัยช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นวัยกลางๆ ที่นิสัยของคนเรายังไม่ถือว่าเป็นไม้แก่ดัดยาก ยังพอดัดได้ สามารถปรับจูนนิสัยและไลฟ์สไตล์ให้เข้ากับคู่ชีวิตได้โดยไม่ยากเย็นเกินไป เพราะการที่คู่รักจะมีชีวิตคู่อยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่นนั้นจำเป็นจะต้องมีไลฟ์สไตล์หรือวิถีการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกัน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องได้มากเลยครับ
#6. ใช้กฎ 37%
กฎ 37% นี้มีอยู่ว่าในช่วงวัยที่คุณต้องการจริงจังจะมีคู่กับใครสักคนให้คุณจะต้องกำหนดเป้าหมายคนที่ต้องการจะคบหาดูใจไว้ซัก 100 รายชื่อ แต่ในทางปฏิบัติแล้วคนไม่สามารถดูใจได้ครบทั้ง 100 คนหรอก แต่ให้คุณลองสุ่มเลือกดูใจทีละคนต่างหากล่ะ โดยเริ่มจากคนแรกหากไม่ผ่านคุณจะก็ผ่านไปลองดูคนที่สอง และเมื่อคุณเปลี่ยนมาดูใจคนที่สองแล้วแล้วรู้สึกว่าคนแรกดีกว่าคุณไม่สามารถย้อนกลับไปคบกับแรกได้แล้วนะเพราะต้องทำตามกฎผ่านแล้วผ่านเลย ที่คุณต้องทำต่อไปคือลองไปดูคนที่สามหากยังไม่ใช่ก็เปลี่ยนไปดูคนที่ 4,5,6…ให้ดูไปเรื่อยๆ ซึ่งเทคนิคนี้ได้ผ่านการศึกษาวิจัยแล้วว่าคุณจะได้เจอคนที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณไม่เกินคนที่ 38 ซึ่งคนสุดท้ายที่คุณได้พบจะเหมาะสมกับคุณที่สุดมากกว่าคนที่ได้ลองดูใจผ่านมา
แหล่ะนี่ก็คือ 6 เทคนิคสำคัญที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณสมควรจะแต่งงานตอนไหน ซึ่งเพื่อนๆคงจะเห็นแล้วว่าการแต่งงานนั้นเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตมากเลยทีเดียวที่เราจะต้องคิดให้รอบคอบ มีความพร้อมในทุกด้าน และมั่นใจว่าผู้หญิงที่เราเลือกนั้นเธอสามารถเป็นคู่ชีวิตที่ดีสำหรับเราได้