สาวๆ หลายคนเชื่อว่าความรักที่หวานชื่นรื่นรมย์ราวน้ำหวานยี่ห้อดัง จะต้องมีที่มาจากความชิดใกล้คลอเคลียหรือใช้เวลาร่วมกันแทบจะตลอดเวลา แต่ใครจะรู้ว่าความรัก ความสัมพันธ์ที่มั่นคงนั้น “พื้นที่” ตรงกลางที่เว้นว่างให้เราคิดถึงกันนั้นเป็นทั้งเสน่ห์ และความลึกลับที่จะทำให้ความรักยืนยาวอย่างที่เราคาดไม่ถึง
เมื่อมีพื้นที่ก็มีเรื่องเล่า
สารภาพมาซะดีๆ ว่าเวลาที่เราตัวติดกับคนที่เรารักแบบแทบจะสิงร่างกลืนกินกันและกัน เมื่อเดินทางไปถึงจุดหนึ่งเราล้วนเคยประสบปัญหา “ไม่รู้จะคุยอะไรกัน”
ถ้าสาวๆ เคยเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยนี้ “พื้นที่ว่าง” คือสิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้เราได้ เพราะการที่เราดู รู้ เห็น ได้ยิน ได้ฟัง อะไรเหมือนๆ กันไปหมดจากการที่ตัวติดกันตลอดเวลามันทำให้เราไม่เหลืออะไรให้เล่าสู่กันฟัง หรือถามไถ่ความคิดเห็นอะไรกันอีกต่อไป การห่างกันบ้างเพื่อไม่ให้มีเรื่องเล่า บทสนทนาให้สามารถสานต่อความสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องจำเป็น
เมื่อมีพื้นที่และความสุขของตัวเองก็แบ่งปันให้อีกคนได้
“ฉันขาดเขาไม่ได้หรอก ถ้าขาดเขาไปฉันจะมีความสุขได้ยังไงล่ะ” ประโยคนี้มองผิวเผินคล้ายว่าเราช่างรักแฟนของเราแบบหมดชีวิตหมดหัวใจแต่ในทางกลับกันวิธีคิดแบบนี้ก็อาจสร้างความเจ็บปวดใจในระยะยาวให้เราได้นะคะสาวๆ
รักกันมาก มีความสุขเพราะอีกคนจะเจ็บปวดได้ยังไงล่ะ? จินตนาการดูสิว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีเขา หรือเป็นวันที่เขาอยากไปมีความสุขในแบบของตัวเองบ้าง เราจะพังทลายไร้รอยยิ้มเลยหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นก็แปลว่าเราจะยิ่งกอดรัดเขาให้อยู่กับเราใกล้ขึ้น นานขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์แบบนี้มีแต่จะสร้างความอึดอัดและต้องจบลงในที่สุด
การมีพื้นที่จึงหมายถึงการที่เราสามารถไปหาชีวิตที่มีความสุขในแบบของตัวเองบ้าง และเขาก็มีเวลาไปมีความสุขในแบบตัวเอง เมื่อนั้นคนที่มีความสุขพร้อมทั้งสองคนมาเจอกัน จะไม่มีใครรั้งให้ใครต้องอึดอัดอีก ที่สำคัญผู้หญิงที่ดูมีแพสชั่นและความสุขเป็นของตัวเองดูมีเสน่ห์มากๆ เลยล่ะ
เพราะเว้นห่างจึงคิดถึง
ความคิดถึงเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์นะคะว่าไหม? เวลาเราคิดถึงใครเรามักจะโหยหาความทรงจำดีๆ นึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆ จำบทสนทนาแสนสำคัญระหว่างเรากับเขาขึ้นมา ความคิดถึงจึงเป็นเหมือนยาหอมแห่งความสัมพันธ์ที่ช่วยให้เราอยากอยู่ใกล้กัน อยากทำสิ่งดีๆ ให้แก่กัน
แต่ความคิดถึงก็มีฟังก์ชันเฉพาะของมัน คือถ้าเราอยู่ใกล้กันเกินไปความคิดถึงอาจไม่ทำงาน ในความสัมพันธ์ ระยะห่างและพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราคิดถึงกันและกัน นึกถึงเรื่องราวดีๆ โหยหาอีกฝั่งจนเป็นยาวิเศษแห่งความสัมพันธ์
ความลึกลับเป็นเสน่ห์ชวนค้นหา
พื้นที่ในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงแค่ระยะห่างทางร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจหมายรวมถึงการจุกจิกจู้จี้ คอยเจ้ากี้เจ้าการชีวิตเขาไปเสียทุกอย่าง แม้เราจะรู้สึกว่าทำไปเพราะความหวังดีก็ตาม การตามติดเป็นเงาตามตัวทั้งทางร่างกาย ทางบทสนทนา มันชวนให้อีกฝั่งรู้สึกว่าเราเป็นของตาย นอกจากความอึดอัด เขาจะรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะไปไหนทำอะไรเราก็จะยังคงตามรอคอยเขาอยู่ดี
ดังนั้นระยะห่างของการคอยควบคุมบงการ จะทำให้เขาไม่เห็นเราเป็นของตาย เราอาจเว้นช่วงไปให้เขาคิดถึงหรือสงสัยบ้างว่า เอ๊ะ เราหายไปไหนนะ หรือต่อให้เขาไม่ถามเราก็ไม่เป็นไร ยังไงการได้ปล่อยให้ทั้งสองฝั่งมีระยะหายใจของตัวเองก็ช่วยให้ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างให้เกียรติและเคารพกันมากขึ้น
พื้นที่ทำให้เรามีตัวตน
ความรักและความสัมพันธ์ไม่ต่างจากศิลปะสุดประณีต มันไม่ได้มีแค่รักๆๆ แล้วหมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่นอย่างนิทานเจ้าหญิงเจ้าชายที่เราเคยอ่านตอนยังเด็ก แต่มันคือการผสมผสานกันระหว่างการรักคนอื่นและรักตัวเองอย่างสมดุล
“จงอยู่กับคนที่ทำให้เรารักตัวเอง” ประโยคนี้จึงไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดถ้าเรามีใครสักคนที่รักมากแต่การคบกับเขาทำให้เราต้องทิ้งความเป็นตัวเองต้องฝืนต้องเหนื่อยต้องละทิ้งพื้นที่ส่วนตัวไปความรักแบบนั้นอาจไม่สามารถหยั่งรากอย่างยั่งยืนได้
อย่าลืมสิคะว่าตอนตกหลุมรักกันและกันครั้งแรก เราก็รักกันที่ตัวตนของอีกฝ่าย การรักกันจึงไม่ควรทำให้ใครต้องเสียตัวตนไป
พื้นที่และระยะห่างจึงไม่ต่างจากผืนดินที่ทำให้ตัวตนของเราฝังรากและงอกงาม ความรักที่ทำให้ตัวตนของเรางอกงามและเบ่งบานนั้นแหละที่จะทำให้ทั้งเราและเขามีความสุข
สำหรับสาวๆ คนไหนที่ยังไม่กล้าปล่อยมือคนข้างกายแม้แต่วินาทีเพราะกลัวว่าเราจะทำเขาหลุดลอยหายไป หลังจากวันนี้ลองค่อยๆ คลายมือที่กำ กอดที่แน่นดูสักนิด ให้ความคิดถึง บทสนทนาและความโหยหามันทำงาน ไม่แน่เราอาจตกหลุมรักเขาคนเดิมซ้ำๆ ได้อย่างไม่รู้เบื่อเลยล่ะค่ะ