เคยเห็นมั้ยคะ บางคู่ที่คบกันมานาน รักกันปานจะกลืนกิน ยังไงก็แต่งแน่ๆ พอเข้าสู่ปีที่ 7 ปุ๊บ เอ้า! เลิกกันเฉย หลายคนจะชอบบอกว่าเป็นเรื่องของอาถรรพ์เลข 7 ที่ความรักจะกระท่อนกระแท่น แต่ถ้าผ่านไปได้ก็จะคบกันได้ยาวๆ แต่ก็มีบางคนที่บอกว่า ระยะเวลา 7 ปีนั้นเป็นเวลาที่ยาวนานพอที่จะทำให้ความรักที่เคยมีมันค่อยๆ ลดลงจนไม่เหลือ ลองมาดู 7 สัญญาณที่บอกว่าความสัมพันธ์ของคุณจะต้องพ่ายให้กับ อาถรรพ์รัก 7 ปี เผื่ออยากจะแก้ไขตอนนี้ก็ยังทันนะ
อาถรรพ์รัก 7 ปี 7 สัญญาณที่ต้องระวัง
ไม่มีเวลาให้กัน
คบกันแรกๆ ตัวแทบจะติดกัน 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะยังไงแฟนต้องมาที่หนึ่งเสมอ อยากเจอเมื่อไหร่ก็พร้อมจะไปหา ยอมเลื่อนนัดเพื่อนเพื่อมาหาแฟนก็ทำมาแล้ว แต่พอนานๆ เข้า เวลาที่เคยมีให้กันมันก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป แต่กลับไปให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เพื่อน หรือกิจกรรมส่วนตัว ถ้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์ต้องแย่ไปมากกว่านี้ก็ลองนึกย้อนกลับไปตอนแรกๆ ที่คบกันดูสิ หาเวลาให้กันบ้าง ถึงงานจะยุ่ง เรียนจะหนักแค่ไหน นัดเจอกันสักอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี
ต่างคนต่างอยู่
การติดต่อสื่อสารกันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าขาดการติดต่อกันแล้ว คุณทั้งคู่จะรู้สึกเหมือนต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง ถ้าวันไหนที่คุณเริ่มรู้สึกว่าคุณไม่ได้รับรู้เรื่องราวของกันและกัน กินข้าวหรือยัง? เพื่อนคนนั้นยังคบกันอยู่มั้ย? หมาที่บ้านสบายดีหรือเปล่า? ทำงานเป็นยังไงบ้าง? ถ้าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณไม่เคยได้รับรู้จากปากของเขาเลย นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่อาจจะจบลงด้วยความเป็นเพื่อนมากกว่าที่จะเป็นคนรักกัน เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมคุยกันให้มากขึ้น ไปเจออะไรมาก็เล่าให้ฟัง มีปัญหาก็มาปรึกษากันบ้างนะ
เป็นของตาย
ความสัมพันธ์ที่คบกันแล้วสบายใจนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคบกันไปสัก 2 – 3 ปีแล้วเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของตาย ตัวหมดความสำคัญกับอีกฝ่าย ก็ต้องทบทวนดูให้ดีแล้วล่ะ งานวิจัยพบว่า การแสดงความรู้สึกขอบคุณกับอีกฝ่ายนั้น เป็นกุญแจสำคัญที่คุณจะใช้ชีวิตคู่ได้อย่างแฮปปี้ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะแสดงออกบ้าง ทำให้เขาเห็นว่าเรารู้สึกโชคดีที่มีเขาอยู่ในชีวิต ให้เขารู้ว่าถ้าไม่มีเขาเราต้องแย่แน่ๆ ไม่มีใครอยากเป็นคนไร้ค่าในสายตาใครหรอก จริงมั้ย?
ไม่มีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน
แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ มีความสนใจ และกิจกรรมส่วนตัวที่แตกต่างกันไป นั่นก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน แต่ในความสัมพันธ์นั้นถ้าคู่ของคุณไม่มีอะไรที่ทำร่วมกันเลยก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะการทำกิจกรรมร่วมกันนั้นจะทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น และการที่คุณไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันก็จะทำให้คุณยิ่งรู้สึกห่างกันมากขึ้น อาจจะเป็นการดูหนัง ออกไปเดินเล่น หรือจะไปเข้ายิมด้วยกันก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น
เริ่มมีความลับ
จริงๆ แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่อง แต่ถ้าคุณเริ่มมีความลับในเรื่องที่เมื่อก่อนคุณบอกเขาได้หมดทุกอย่าง ก็เริ่มจะไม่ดีแล้ว เพราะนั่นอาจจะหมายความว่าคุณไม่ไว้ใจและไม่เชื่อใจในคู่ของคุณอย่างเคย ทุกคนคงรู้ดีว่าความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีในทุกๆ ความสัมพันธ์ ดังนั้นก็ควรจะเปิดเผยให้มากที่สุด มีเรื่องอะไรก็ควรจะพูดคุยกัน ไม่ใช่เก็บเอาไว้คนเดียว
ทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ
การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติของทุกคู่ ทุกความสัมพันธ์ แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะทั้คู่ก็ควรจะปรับความเข้าใจ และปรับตัว เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรมที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ แต่ถ้ายังต้องมานั่งตีกันเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
มีนิสัยการใช้เงินที่ต่างกัน
ถ้าคุณกับคู่ของคุณมีมุมมองแนวคิดเรื่องการใช้เงินที่ต่างกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากสำหรับชีวิตคู่ของคุณ เพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันว่าเรื่องเงินทองนั้นเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟ มีหลายคู่ที่ต้องมาตีกันเพราะเรื่องเงิน ซึ่งเรื่องการใช้จ่ายเงินนั้นก็ถือเป็นนิสัยที่ค่อนข้างเปลี่ยนได้ยาก และไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ไม่มีใครตัดสินได้ว่าการใช้เงินแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี ทางที่ดีก็ควรจะเรียนรู้นิสัยเรื่องการใช้เงินกันให้ดี เคลียร์กันให้ชัด จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากันในอนาคต