ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ความรักก็ไม่ได้สวยงามเสมอไป
ความรักมีทั้งสุข ทุกข์ ผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวด หน้าที่ของเราคือยอมรับในทุกแง่มุมนั้นให้ได้ว่าจริงๆ แล้วความรักไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ความรักมาพร้อมกับความทุกข์ที่เราต้องทำความเข้าใจผ่านบทเรียนต่างๆ เหล่านี้ เพื่อที่ว่ารักครั้งนี้หรือครั้งไหนๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะเราเองที่ไม่เข้าใจธรรมชาติของรักที่แท้จริง
1. รัก = ทุกข์
หลายคนไม่รู้ว่า “รัก = ทุกข์” ไม่งั้นพระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสไว้หรอกว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เพราะถ้าคิดจะรักก็ต้องรักให้เป็น รักอย่างมีสติเพื่อไม่ให้เป็นทุกข์มากเกินไป เตือนสติตัวเองตลอดเวลาว่าเมื่อมีความรักก็ย่อมต้องมีทุกข์และสุขปะปนกันไป เข้าใจและยอมรับให้ได้ถึงจะเรียกว่ารักเป็น
หลักการก็คือต้องใช้ความจริงเป็นที่ตั้ง คิดตามความเป็นจริง เข้าใจธรรมชาติของความรัก เพราะท้ายที่สุดพระพุทธศาสนาไม่ได้บอกว่าความรักไม่ดีหรือบอกว่าให้ทุกคนไม่ต้องมีความรัก เพียงแต่เตือนสติเท่านั้นว่า “เมื่อคิดจะรัก ก็ต้องทุกข์ให้เป็น”
2. คิดจะรักใคร ต้องรักตัวเองให้เป็น
จริงๆ แล้วไม่มีความรักแบบไหนที่จะยั่งยืน มั่นคง และถาวรได้เท่ากับความรักที่เราจะมีให้ตัวเองอีกแล้ว เพราะไม่มีใครรักเราได้มากเท่ากับตัวเราเอง
ในทางพระพุทธศาสนา การรักตัวเอง คือการพยายามหาหนทางที่จะนำตัวเองออกจากกิเลสตัณหาให้ได้ แปลว่าถ้าเรารักตัวเองมากกว่าที่รักคนอื่น เราจะทุกข์น้อยลง
ในทางโลก การรักตัวเอง คือการมองเห็นคุณค่าและเคารพในตัวเอง ไม่ทำร้ายตัวเองให้เจ็บปวดทั้งกายและใจ ซึ่งตามหลักแล้วเราควรรักตัวเองให้ได้ก่อนที่จะรักคนอื่น เพราะถ้ารักตัวเองได้แล้ว เราจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เข้าใจว่าไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราต้องการได้ทั้งหมด สุดท้ายความรักก็จะอยู่บนพื้นฐานของความสบายใจที่จะรักกันและกัน
3. ไม่เคยมีใครตายจากการอกหัก มีแต่ความอ่อนแอเท่านั้นที่ฆ่าเราให้ตาย
จริงๆ แล้วไม่มีใครตายเพราะความรักที่ไม่สมหวัง อกหัก โดนเท หรือไม่มีใครรัก และต่อให้เจ็บเจียนตายแค่ไหน ร้องไห้มากแค่ไหน เวลาจะทำหน้าที่ของมันเอง เวลาจะคอยเยียวยาให้จิตใจของเราแข็งแรงขึ้น แม้มันจะเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงกับตาย ถ้ามันยังเจ็บ ยังปวดกับความรักนี้มากเกินจะทนไหว แปลว่าเรายังให้เวลากับความเจ็บปวดนั้นไม่พอ
สิ่งเดียวที่ทำให้ตาย คือความอ่อนแอของเราเองที่ฆ่าเรา ที่ทำให้เราคิดจบชีวิตตัวเองซะ และเป็นความอ่อนแอนี่แหละที่ทำให้มโนไปเองว่าตัวเองไร้ค่าจนไม่มีใครมารัก ความเสียใจและสารพัดความรู้สึกผิดหวังประเดประดังเข้ามาจนคิดอะไรไม่ออก นาทีนั้นสิ่งต่างๆ รุมเข้ามาในหัว ทั้งความรัก ความผูกพัน ความทรงจำ และความสูญเสีย สุดท้ายก็หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้จนตัดสินใจจบความผิดหวังนั้นซะด้วยชีวิต
4. ไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง
แต่ใครล่ะ..จะไม่คาดหวังในความรัก เพราะเมื่อรักไปแล้วก็ย่อมต้องคาดหวังให้อีกคนมารักตอบด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่มีทางเลยที่ความรักจะอยู่บนพื้นฐานของความไม่คาดหวัง
แต่รู้ไหมว่า..เมื่อไม่คาดหวัง สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือจะไม่ผิดหวัง และถ้าเราไม่ผิดหวัง เราก็จะไม่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากมีรักในแบบที่ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเจ็บปวด ก็ต้องมีความรักในแบบที่ไม่ต้องคาดหวังว่ามันจะออกมาดี ว่ามันจะทำให้เรามีความสุข หรืออะไรก็ตาม
ความรักแบบนี้เป็นความรักที่ทำให้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะไม่ใช่ไม่รักกัน แต่รักกันแบบไม่ได้หวังให้อีกคนต้องมารักตอบ
5. อย่าเข้าข้างตัวเอง ถ้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ
เรื่องแปลกของความรักก็คือ แค่รักอย่างเดียว มักไม่ค่อยพอ พอผ่านช่วงเวลาแห่งรักไปแล้ว อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป
ถ้าสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้เราเริ่มรู้สึกแปลกๆ อย่าได้พยายามคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาด เพราะนี่คือสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม แต่อย่าถึงขั้นคิดไปเอง จับต้นชนปลายไปเอง
สิ่งที่ต้องทำก็คือพิจารณาสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นอย่างเป็นกลาง ถอยออกมามองในมุมที่กว้างขึ้น ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรา จะคิดเหมือนกันไหม วิธีนี้ทำให้เราไม่เข้าข้างตัวเองโดยมีความรักมาบังตา และการที่เราเชื่อสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ บางทีก็อาจทำให้เจ็บน้อยลงก็ได้
6. อย่าทนถ้ามันเริ่มเจ็บ
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ความรักทำให้เจ็บปวด เราก็แค่ต้องเดินออกมา เราไม่จำเป็นต้องทน แค่เพราะ “รัก” เพราะถ้ามีรัก ก็ต้องมีสุขมากกว่าทุกข์ ถ้าวันไหนทุกข์มากกว่าสุข จะทนไปทำไม
7. ไม่จำเป็นต้องเสียดายเวลา
ความรักไม่ได้แปรผันตามเวลา เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมานั่งเสียดายเวลา ถ้ารักนั้นทำให้เจ็บปวด หรือเสียใจ
จริงอยู่ที่ความรักอาจต้องใช้ความอดทน แต่ถ้าความรักทำให้เจ็บซ้ำไป ซ้ำมาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทน แล้วปล่อยให้ตัวเองต้องเจ็บต่อไป ด้วยเหตุผลเพียงแค่เพราะเสียดายเวลา
เวลายิ่งนาน ยิ่งหมายความว่าเราควรต้องจบเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว เราเสียเวลากับความเจ็บปวดมามากพอแล้ว อย่าเสียดายเวลาที่ผ่านมา แต่จงเสียดายที่ปล่อยเวลาไปกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา
8. บางครั้ง ‘รัก’ ก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เรื่องแปลกอีกอย่างของความรักก็คือ ถึงจะรักแค่ไหน แต่บางครั้งรักก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะความรักต้องประกอบด้วยคนสองคน เมื่อไรก็ตามที่คนหนึ่งรัก แต่อีกคนหมดรัก ต่อให้เรารักเค้าแค่ไหน เราก็เป็นได้แค่คนที่เคยรักเท่านั้น
เมื่อไม่รักก็คือไม่รัก จะยื้อยุดฉุดกระชาก ขอร้องอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่เป็นผล สู้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ใช้ชีวิตต่อไปในแบบที่ไม่มีเค้า เราอาจจะทุกข์น้อยลงก็ได้
9. อย่าเอาความสุขของเราไปฝากไว้ที่ใคร
ความสุขของเรา..เราต้องกำหนดเอง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเอาความสุขไปฝากไว้ที่ใคร แปลว่าเค้าจะทำให้เราไม่มีความสุขแค่ไหนก็ได้
ถ้าความสุขของเราคือการมีเค้า การที่เค้ารักเราตอบ แปลว่าเมื่อวันใดวันหนึ่งที่เค้าจากไป ความสุขก็จะจากเราไปตลอดกาล เพราะแม้จะเป็นคนที่เรารัก แต่เค้าก็ไม่ได้มีหน้าที่มาทำให้เรามีความสุข มันไม่ใช่เรื่องของเค้า..ชีวิตเรา ใจเรา ความสุขของเรา เราต้องดูแลเอง
10. ก่อนจะมีใคร เราก็อยู่ของเราเองมาได้ตั้งนาน
น่าแปลกที่คนอกหักหลายคนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ก่อนจะมีเค้า เราอยู่ยังไง ใช้ชีวิตยังไง สบายแค่ไหน เป็นตัวของตัวเองขนาดไหน เราลืมมันไปหมดแล้ว เพราะความรักทำให้เราลืมนึกถึงตัวเอง
จริงๆ แล้วในวันที่ความรักจบลง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เราก็ยังคงเป็นเราคนเดิม แค่เสียใจมากขึ้น ร้องไห้นิดหน่อย แต่ไม่ได้มีอะไรแย่ลง เราแค่ต้องกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม กลับมาเป็นตัวของเราเองเพื่อที่จะมีรักครั้งใหม่ หรือเริ่มต้นใหม่ในแบบของเราก็เท่านั้นเอง
ขึ้นชื่อว่าความรักย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ แต่หลายคนเมื่อรักแล้วก็คิดแต่แค่ว่ารักจะนำความสุขมาให้ ทั้งที่ความจริงแล้ว รักพาความทุกข์มาให้มากกว่าสุขเสียอีก