คนบางคนเข้ามาในชีวิตคุณ เพื่อสอนให้คุณเรียนรู้ ที่จะ “ปล่อย” ไป
ปล่อยสิ่งที่คุณต้องการ แต่มัน “ไม่ใช่” ปล่อยสิ่งที่คุณอยากครอบครอง
แต่มันไม่ “คู่ควร” กับคุณ ปล่อยสิ่งที่คุณคิดจะหยุดชีวิตไว้กับมัน
แต่มันไม่ได้ “ดีที่สุด” สำหรับชีวิตคุณ
เมื่อถึงเวลาต้อง “ปล่อย”
คุณอาจเจ็บปวด แต่เมื่อเวลาผ่านไป
คุณจะเข้าใจว่า ทำไมสิ่งนั้นต้องออกไปจากชีวิตคุณ ก็เพื่อให้ “สิ่งที่ดีกว่า” เข้ามาแทนที่
แล้วคุณจะ “ขอบคุณ” ตัวเอง ที่เข้มแข็งพอที่จะปล่อย
คนที่ไม่ดีพอสำหรับคุณ และให้โอกาสตัวเอง ได้เจอ “ความสุข” อีกครั้ง
รักตัวเองให้มากพอ แล้วคุณจะรู้ว่า
“ปล่อย” ไม่ต้อง “เจ็บ” เสมอไป
เพราะมันคือ “สิ่งที่ดีที่สุด” แล้ว !
เชื่อไหม?อะไรที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา
อะไรที่ไม่ใช่ของเรายังไงก็ไม่ใช่ของเรา
“อะไรที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเรายังไงก็ไม่ใช่ของเรา”
ฉันชอบประโยคนี้มากเลย
เป็นประโยคอีกประโยคนึงที่อยู่ในใจฉันมาตลอด
แต่ก่อนฉันก็ฟังแบบผ่านๆนะ ไม่ค่อยได้ใส่ใจมันเท่าไหร่
แต่มีครั้งนึงฉันได้เจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่มากๆ
จนไม่อยากจะเจออะไรอีกเลยในชีวิตนี้
ไม่อยากหันหน้า หรือจะเจอใครอีก
แต่?มีคนๆนึงให้กำลังใจฉันด้วยว่า
“อะไรที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเรายังไงก็ไม่ใช่ของเรา”
แล้วปล่อยมันไปซะเถอะ
และถ้าหากใช่ของเราจริง
สักวันหนึ่งจะต้องกลับมา
แม้ว่ามันจะต้องเวลาสักหน่อยก็ตาม?
เพียงแค่ประโยคนี้ทำให้ใจรู้สึกดีขึ้นมา
แม้มันจะดูเศร้าไปนิด
แต่ก็เป็นสิ่งให้กำลังใจในตัวฉันเสมอจนทุกวันนี้
แม้แต่ตอนเวลาฉันคบกับใคร แล้วจบด้วยการเลิกกัน
ฉันก็ทำใจที่ยอมรับกับมันโดยไม่มีข้อแย้งอะไรเลย
เพราะในเมื่ออีกฝ่ายนั้นได้คิดทบทวนมาดีแล้ว
ดังนั้นเค้าจึงบอกเลิกกับฉัน ไม่ใช่ว่าใจฉันนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
แต่ใจของฉัน?.นั้นบอกว่าอยากร้อง
อยากจะตะโกน อยากโวยวายออกมา อยากร้องไห้ฟูมฟายมาดังๆ
ให้เธอได้รู้ว่าฉันเสียใจมากๆแค่ไหน
แต่กลับกลายเป็นว่า?.มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่เวียนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ณ เวลาตอนนั้น ที่ว่า
“อะไรที่เป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเรายังไงก็ไม่ใช่ของเรา”
และเค้าคงไม่ใช่ของเรา เค้าเลยต้องไปจากฉันจริงๆ?.
ฉันเชื่อคำนี้มาเสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปสักเท่าไรก็ตาม
และฉันก็ยังคงตามหาของที่ใช่ของๆฉันจริงอยู่?.