วิธีรักษาความสัมพันธ์กับแฟนหรือคนคุยยังไงไม่ให้ขาดตอน เมื่อต้องห่างไกลกัน ไม่ได้เจอกันเพราะไวรัส COVID-19 ระบาด
ในช่วงไวรัส COVID-19 ระบาดแบบนี้ ใครที่มีแฟนหรือมีคนคุยดูใจกันอยู่ก็อาจจะต้องอยู่ห่างกัน ไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยกัน และน่าจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะนานจนถึงเมื่อไหร่ก็คงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ อาจเป็นเดือนหรือเป็นปี ทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจ เพราะนอกจากจะคิดถึงกันแล้ว ยังกลัวว่าความสัมพันธ์จะจืดจางและห่างเหินกันไป โดยเฉพาะคู่ที่เพิ่งจะรู้จักกันหรือเพิ่งคบกันได้ไม่นาน จะเอาชนะความห่างไกลกันในช่วงนี้ได้อย่างไรบ้าง วันนี้เรามีวิธีดีๆ มาแนะนำกัน
1. ใช้ความห่างให้เป็นโอกาส
เคยได้ยินกันไหมที่เขาว่า “พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” นี่ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ การที่คนสองคนที่รักกันหรือมีความสนใจซึ่งกันและกัน ไม่ได้พบเจอกันนานๆ นั้น มักก่อให้เกิดความคิดถึงกัน จากที่เคยเจอกันเป็นประจำจนไม่เคยคิดถึงกัน เมื่อถึงเวลาต้องห่างไกลกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็อาจเกิดความรู้สึกคิดถึงกันขึ้นมา และนี่แหละคือสิ่งที่จะทำให้แต่ละฝ่ายได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ว่ารักและสนใจอีกฝ่ายมากแค่ไหน มองเห็นความสำคัญกันมากแค่ไหน
นอกจากนี้ความห่างก็ยังเป็นตัวช่วยพิสูจน์ใจอีกด้วย เพราะว่าถ้าคนเรารักกันจริงนั้น ความห่างไกลจะไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ได้ง่ายๆ หรอก แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างย่อมมีความไม่แน่นอน เราจึงต้องทำอะไรเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ไม่ให้ขาดตอนด้วย ดังข้อที่จะกล่าวต่อจากนี้
2. รักษาความสม่ำเสมอ
ถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน แต่ก็ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ได้ด้วยการหมั่นคุยกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการคุยผ่านแชต โทรศัพท์ หรือวิดีโอคอลล์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคุยกันทั้งวันหรือวันละหลายชั่วโมง อย่าพยายามทักหรือโทรหาถี่เกินไปทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรคุย เพราะอาจจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเบื่อมากขึ้นไปอีก โดยความสม่ำเสมอ ณ ที่นี้ก็คือการคุยกันเรื่อยๆ เป็นระยะ เช่น คุยกันทุกวัน วันละนิดละหน่อย ลองหาเรื่องคุยหลายๆ เรื่อง จดเป็นลิสต์เอาไว้ แล้วค่อยทักไปชวนคุยวันละเรื่องสองเรื่อง ที่เหลือก็เก็บไว้คุยกันในวันต่อๆ ไป หรือถ้าคิดไม่ออกว่าจะคุยอะไร อย่างน้อยก็ทักไปบอกฝันดีก่อนนอนทุกคืนก็ได้ แค่อย่าเงียบขาดการติดต่อหายไปเลยหลายๆ วันก็พอ
3. หากิจกรรมทำร่วมกัน
นอกจากการคุยหรือแชตกันแล้ว เทคโนโลยีสมัยนี้ก็ยังทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้แม้ตัวจะอยู่ห่างไกลกันก็ตาม และมันก็จะช่วยให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน ดูหนังหรือซีรีส์บน Netflix พร้อมกัน หรือถ้าไม่สะดวกทำพร้อมกันก็อาจจะแค่ทำอะไรคล้ายๆ กันก็ได้ เช่น ดูหนังเรื่องเดียวกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน ฟังเพลงแนวเดียวกัน เพราะมันจะทำให้มีหัวข้อสนทนาสำหรับหยิบยกมาคุยกันได้มากขึ้นนั่นเอง
4. วางแผนเป้าหมายในอนาคต
ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไรสถานการณ์โรคระบาดจะดีขึ้น แต่อย่างน้อยเราก็ยังสามารถพูดคุยกันถึงเรื่องในอนาคตหลังจากที่สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้วได้ เช่น คุยกันว่าถ้าอนาคตได้กลับมาเจอกันแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนและทำอะไรกันบ้าง ซึ่งการวางแผนทำสิ่งต่างๆ ในอนาคตร่วมกันนั้นมีข้อดีคือทำให้แต่ละฝ่ายมีกำลังใจที่จะเฝ้ารอจนถึงวันที่จะได้เจอกัน มีความหวังร่วมกันว่าจะรักษาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันให้ได้จนถึงวันนั้น
5. อย่าทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ
การที่คนสองคนไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานๆ นั้น มักจะทำให้คนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่เกินความกังวลบ้างไม่มากก็น้อย ว่าระหว่างที่ไม่ได้เจอกันนั้น จะโดนอีกฝ่ายลืม กลัวว่าจะไปมีคนคุยใหม่ หรือไปพบเจอคนอื่นที่ถูกใจ อันนีก่อนอื่นก็ควรมีความไว้ใจกันระดับหนึ่งก่อน แต่เราก็ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจและทำให้อีกฝ่ายสบายใจด้วย อย่างเช่น ไม่เงียบหายไปเป็นเวลานานหลายวันโดยไม่บอกไม่กล่าว ออกไปไหนทำอะไรก็บอกให้รู้กันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับต้องรายงานทุกอย่างนะ และที่สำคัญคือเราต้องซื่อสัตย์ต่อกันด้วย
6. มีความสุขกับตัวเองและคนใกล้ตัวบ้าง
จงอย่าเอาความสุขของตัวเองไปผูกกับคนที่เรารัก อย่าเอาแต่เฝ้าคิดถึงอีกฝ่ายตลอดเวลา นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย เพราะมันจะยิ่งทำให้เกิดความคิดถึงมากยิ่งขึ้นและมากเกินไป กลายเป็นความรู้สึกทรมาณ ควรเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับตัวเองหรือคนรอบข้างเช่นคนในครอบครัวบ้าง ลองหันไปทำงานอดิเรกที่ตัวเองชอบ เมื่อตัวเองสามารถมีความสุขและสบายใจได้แล้ว ในเวลาที่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายก็จะเป็นการคุยด้วยความสบายใจ อีกฝ่ายก็จะรู้สึกดีไปกับเราด้วย
7. คิดบวกเข้าไว้
สิ่งสุดท้ายที่ถือว่าสำคัญมากก็คือการพยายามคิดบวกเข้าไว้ เพราะถ้าหากเราเอาแต่คิดลบ มัวแต่กังวลว่าไม่ได้เจอกันนานๆ แล้วอีกฝ่ายจะลืมเราไหม จะไปมีคนใหม่หรือไม่ มันก็จะยิ่งทำให้จิตใจรู้สึกห่อเหี่ยว อาจทำให้เกิดความเครียด หรือถ้าแย่ไปกว่านั้นก็อาจทำให้เผลอดราม่าใส่อีกฝ่ายจนยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ซึ่งการคิดบวกนี้จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น และสามารถใช้เหตุผลคิดหรือทำสิ่งดีๆ ให้กับคนที่เรารักรวมทั้งตัวเราเองได้มากกว่า นอกจากนี้ก็อย่าลืมว่า การที่อีกฝ่ายไม่สามารถเจอเราได้เพราะโรคระบาด ก็คงไม่สามารถไปเจอคนอื่นได้ง่ายๆ เหมือนกันแหละ จริงไหม ?
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วการที่ความสัมพันธ์จะยั่งยืนหรือไม่ จะผ่านสถานการณ์ COVID-19 ระบาดในช่วงนี้ไปได้ด้วยดีโดยไม่มีใครห่างหายจากกันไปหรือไม่นั้น คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าทำครบทั้ง 7 ข้อนี้หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองคนมีความรักหรือความสนใจอีกฝ่ายมากน้อยแค่ไหนด้วย อันนี้ก็คงต้องให้เวลาเป็นตัวช่วยตัดสินแล้วล่ะ