ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนก็ไม่เลิก หากไม่มีมือที่ 3 นี่คือเรื่องจริงมือที่ 3 หรือเมียน้อย คือสิ่งที่จะทำให้หลายครอบครัวแตกแยก วันนี้ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักวิธีรับมือเมื่อพบว่าสามีของคุณมีกิ๊ก ซึ่งลองพิจารณาไปทีละข้อๆ ตามๆกันไปเรื่อยๆ ที่ละข้อๆ นะ
10 วิธีต่อสู้เมียน้อย เมื่อจับได้ว่าสามีของคุณมีกิ๊ก
1.ทำใจกับข่าวร้าย ตื่นเช้ามาก็ยังดีๆ อยู่ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะได้ข่าวใหญ่ในชีวิต มันก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันนะครับ เมื่อได้ข่าวร้าย ต้องมั่นใจก่อนว่าไม่ใช่ข่าวปล่อยของผู้ไม่หวังดี บางทีอารมณ์ชั่ววูบก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเก่า ขอเวลาให้ตัวเองสักครู่ ทบทวนทางเลือกของชีวิตให้ดี เรื่องนี้กระทบอะไร กับใครบ้าง ต้องคิดให้ดี ยิ่งมีลูก ยิ่งต้องคิดเผื่ออนาคตลูกไว้ด้วย เรื่องแบ่งสมบัติเอาไว้คิดทีหลัง
ที่บอกว่าต้องใจเย็นๆ เพราะผู้หญิงบางคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน เอะอะ โวยวาย ชวนทะเลาะเสียงดัง บางครั้งถึงลงไม้ลงมือ ถ้าถึงขั้นนี้ บางครั้งมันก็ไม่สามารถแก้ไขกลับมาให้ดีได้เหมือนเก่า
หากใจเย็น ตั้งสติไว้ แล้วท่องคาถาไว้แค่ว่า “อย่าให้อะไรมันเลวร้ายลงมากกว่านี้” ค่อยๆ พูดกัน หาทางแก้ไขปัญหาโดยวิธีสันติ ดีกว่าการประกาศสงคราม หากอยากจะร้องไห้ อยากจะระบายก็ต้องให้คุณสามีตัวดีรับรู้ด้วยว่าเราไม่ได้อ่อนแอ เพียงแค่เสียใจที่คนที่เรารักทำอย่างนี้กับเราเท่านั้นเอง
2. สำรวจตัวเอง จากนั้นต้องดูตัวเองเป็นอันดับแรกแหละครับ เราจะไปรู้จักคนอื่นได้ดีได้อย่างไร หากไม่รู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน ดูว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิมบ้าง คนที่สามีเรารักและแต่งงานด้วยกับตอนนี้มีอะไรที่ต่างกันหรือเปล่า เราเป็นฝ่ายเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป หรือว่าเรายังคงเหมือนเดิม แต่เขาเป็นคนเปลี่ยนไปเอง
ที่ให้สำรวจตัวเองก่อน เพราะบางครั้งเราไม่เคยรู้จักตัวเองเลยว่า ขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเองยังไง จนกระทั่งวันที่เขาไปมีคนอื่น…ถึงตอนนี้ต้องหันกลับมาดูตัวเองแล้วว่ามี อะไรดี ไม่ดี มีอะไรเปลี่ยนไปจากคนที่เขาเคยรักบ้าง
ทำตัวให้เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยรัก เคยขอแต่งงาน…ดีกว่าไปนั่งพูดเสียดสี กระแนะกระแหนให้ต้องทะเลาะกันเป็นไหนๆ
3.ทำความรู้จักสามีของตัวเองให้ดีขึ้น ผู้หญิงบางคนแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานการของสามีเลย เพื่อนฝูงของสามีก็ไม่รู้จัก บอกเอาไว้ก่อนว่ากรณีอย่างนี้เพื่อนฝูงตัวดีนี่แหละที่จะหาเมียน้อยมาให้ สามีเรา การที่เราไปสังคมกับเพื่อนๆ ของสามีบ้าง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง อย่างน้อยเห็นหน้ากันบ่อยๆ จะได้เกรงใจกันบ้าง หรือบางทีหากสามีเราว่อกแว่กไปปิ๊งสาวคนไหน เพื่อนของสามีอาจจะรีบส่งข่าวให้เรา จะได้รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมสบายใจไป
4.หลายหัวดีกว่าหัวเดียว เรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้ บางครั้งการได้คุยได้ปรึกษากับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจ อาจจะช่วยอะไรได้มาก หลายคนอาจมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อน ในช่วงเวลาอย่างนี้ การปลอบโยน การให้กำลังใจ การช่วยเหลือจากคนรอบข้างจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้นได้ ดีกว่าต้องนั่งอมทุกข์อยู่คนเดียว หลายๆ คนอาจจะอายที่ต้องบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ถึงตอนนี้แล้วคำแนะนำจากใครสักคนน่าจะดีกว่า
5.คิดให้ดี จะทำอะไรต้องคิดก่อนล่ะครับ ความดีของเขาที่เคยดูแล ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่กาลก่อน ก็เยอะเหมือนกัน ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ บางครั้งการแก้ปัญหาโดยการให้อภัยจะเป็นผลดีต่อครอบครัวมากกว่า…แต่ต้อง กำชับให้มั่นใจนะว่า “ต้องไม่มีครั้งต่อไปอีก”
หากมีปัญหาในชีวิตครอบครัว ให้นึกถึงคำพระที่ท่านให้ไว้ตอนแต่งงานว่า “ให้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข อดทน และให้อภัย” ไว้
การคิดแก้ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อนเสมอ นั่นคือ “ทำอย่างไรให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นมีความสุขเหมือนเดิม” ลองเอาคำนี้เป็นจุดตั้งต้น แล้วค่อยๆ หาแนวทางที่จะทำให้เป็นไปได้ ที่จริงก็ยากนะ ที่จะประสานแก้วที่มันร้าวให้กลับเป็นแก้วสวยสดใสดังเดิม แต่ก็ควรพยายามเชื่อมประสานแก้วให้ไร้ร้อยให้มากที่สุด เพื่อความสุขของตัวเองและลูก นอกจากมันจะสุดปลายมือจริงๆ ที่จะรักษาแก้วนี้ไว้…มันก็จะตกแตกกระจาย..ไร้ค่าแปดเปื้อนธุลีดิน
6.ใช้ชีวิตร่วมกันให้มากขึ้น บางครั้งถ้าไม่เกิดปัญหา คนเราก็ไม่เคยหันมามองตัวเองหรอกครับ บางคู่อยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันแต่ไม่เคยได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยก็มี ยิ่งเดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำงานนอกบ้านกันมากขึ้นยิ่งทำให้รู้สึกห่างเหินห่างไกล กันไปใหญ่ บางคู่ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันมา 4-5 ปีแล้วก็มี พอสามีไปมีบ้านเล็ก บางคนอาจจะสมน้ำหน้าตัวเองก็ได้ การได้มีเวลาอยู่ร่วมกันก็จะทำให้เราเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ได้พูดกัน คุยกัน ทำความเข้าใจกัน ประสานร้อยร้าว ความขัดแย้งที่มีต่อกันได้
ถึงตอนนี้คงต้องเลือกเอาครอบครัวเป็น หลักมากกว่าเรื่องงานแล้วล่ะครับ พยายามกลับบ้านให้เร็วขึ้น ทำกับข้าวตั้งโต๊ะกินพร้อมกัน พออิ่มแล้วก็นั่งเล่นเปิดเพลงฟัง คุยกันถึงเรื่องเก่าๆ ที่ทำให้มีความสุข อย่าได้มีการพูดประชดประชัน หรือขุดเรื่องร้ายๆ เก่าๆ มาตอกย้ำเป็นอันขาด ไม่ว่าจะคันปากสักเพียงไหน ต้องยึดหลักง่ายๆ ไว้อย่างเดียวว่า “อย่าให้อะไรมันเลวร้ายลงมากกว่านี้”
ลองเอารูปเก่าๆ รูปวันแต่งงาน รูปที่เคยไปเที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุขมาดูทำไมตอนนี้ถึงกลับไปมีความสุขอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ
7. หาแนวร่วม ตอนนี้ตัวเราคนเดียวอาจไม่มีพลังความสามารถพอที่จะประสานรอยร้าวนี้ได้ ลองชวนกันไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายของเขา ไปเยี่ยมพ่อแม่สามีสักทีก็ยังดี ยังไงผู้ใหญ่เหล่านี้ก็เป็นคนเจิมหน้าผากรดน้ำให้ อาจช่วยเราได้บ้าง กลยุทธ์นี้บางทีก็เป็นไม้เด็ด…คุณสามีหัวหด กลายเป็นเด็กดีเลยเชียวล่ะ
เพื่อนฝูงของครอบครัว เพื่อนของสามีคบไว้เหอะดี เพราะบางคนพอมีปัญหาอาจจะคุยกับเพื่อนมากกว่าคุยกับเมียตัวเองเสีย อีก…หลักง่ายๆ ของข้อนี้ก็คือ สร้างสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเขาให้อยู่ข้างเรา
8.ประเมินคู่ต่อสู้ รู้จักศัตรูย่อมมีชัยเหนือศัตรู แต่บางทีก็ยากเหมือนกันนะที่จะสืบเสาะหาข้อมูลของคู่ต่อสู้ แต่ถึงยากยังไงก็ต้องทำ จะได้รู้ว่าในสายตาของสามี เราเป็นนางเอกหรือเป็นนางร้าย หากฝ่ายโน้นเป็นนางเอก เอาอกเอาใจ เวลาสามีมีปัญหาไปอยู่ด้วยแล้วสบายใจ กลับบ้านทีไรก็เจอนางร้ายคอยบ่นคอยว่าอย่างนี้เห็นจะลำบาก
บางครั้งฝ่ายโน้นอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ชายที่อยู่ด้วยมีลูกมีเมียมาก่อนแล้ว อย่างนี้ถ้าได้ลองคุยกัน เจรจาด้วยสันติดูก่อน หัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน คงคุยกันได้บ้างเป็นบางราย แต่บางคนทั้งที่รู้ว่ามีลูกมีเมียก็ยังเอา บางทีโทร.มาว่าเมียหลวงถึงบ้านก็มี เมื่อเรารู้จักคู่ต่อสู้ดีแล้ว ต้องสร้างบทให้เราเป็นนางเอกของเรื่องให้ได้ เพราะนางร้ายมักตายตอนจบทุกที!
9.สนใจเรื่องบนเตียงบ้าง บางครั้งเหตุที่สามีไปมีเมียน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไปมีรักใหม่หรอกนะครับ ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า บางครั้งอยู่กับเมียหลวงเหมือนนอนกับท่อนไม้ ไม่มีจริตมารยา ไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกที่ดี พอไปได้ลองเจอสาวๆ ที่มีดีกว่า ก็ติดใจในกามรส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักมากมายไปกว่าเราหรอกครับ
ดังนั้น นางเอกของเรื่องนี้ก็ต้องปรับปรุงตัวเอง ลดน้ำหนักให้เอวเล็กเอวบางลงหน่อย เมื่ออยู่กับคุณสามีต้องดูดึงดูดบ้าง ไม่ใช่เจอแต่ม้วนโรลอยู่เต็มหัว แถมพอกหน้าก่อนนอน ดูแล้วหมดอารมณ์
10.สร้างพื้นฐานของครอบครัวที่ดี ครอบครัวที่มีความสุขย่อมเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาเหล่านี้ แม้มีปัญหา ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะสามารถเหนี่ยวรั้งเขากลับมาได้ เราต้องพยายามสร้างครอบครัวที่มีความรักระหว่างกันอย่างสมบูรณ์ คือมีทั้ง พ่อรักแม่ แม่รักพ่อ พ่อรักลูก ลูกรักพ่อ แม่รักลูก และลูกรักแม่ เส้นใยความรักในครอบครัว มีพลังมหาศาลที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
รู้ได้อย่างไรว่าสามีแอบมี “กิ๊ก”
เรื่องนี้ อย่างน้อยคนที่เราแต่งงานอยู่กินกันมา เราก็คงรู้จักนิสัย กิจวัตรของเขาค่อนข้างดี ยิ่งถ้าอยู่บ้านเดียวกัน ต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ยิ่งจับได้ไม่ยาก หากอยู่กันคนละบ้าน ทำงานต่างจังหวัด นานๆ กลับบ้านที อย่างนี้ก็ลำบากหน่อย…แต่ความลับก็ไม่มีในโลก สักวันก็คงเผลอพิรุธออกมาเจอจนได้แหละครับ โดยผ่านสิ่งต่างๆ เหล่านี้
มีช่วงเวลาที่หายไป
หายไปโดยไม่มีใครรู้ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้กลับบ้าน แล้วก็อธิบายไม่ได้ว่าไปไหน…คุณแม่บ้านบางคนเคยเล่าให้ฟังว่า ทุกคืนต้องแอบไปจดเลขไมล์บนหน้าปัดรถ แล้วมาจับได้เมื่อตอนสามีบอกว่าไปทำงานไม่ได้ไปไหนเล้ย..ที่ไหนได้เลขไมล์ ขึ้นแค่ระยะหน้าปากซอยนี่เอง
เริ่มมีความลับ
คนที่แต่งงานอยู่กินกันมาโดยมาก ไม่ค่อยมีเรื่องต้องปิดบังอะไรกันหรอกครับ แต่หากมีอาการลับๆ ล่อๆ แอบโทรศัพท์ไม่ให้เรารู้ แอบซื้อของมาแต่ไม่ให้เราเห็น แอบมีพวงกุญแจแปลกๆ ที่ไม่ใช่กุญแจที่ใช้ในบ้าน หรือแอบทำอะไรโดยที่ไม่อยากให้เราเห็น…อาการอย่างนี้ก็ต้องจับตาดูให้ดี
หัดโกหก
คนบางคนพอพูดโกหก สายตาและสีหน้าจะบอกว่ากำลังโกหกอยู่ ยกเว้นบางคนที่แสดงละครได้แนบเนียนอาจจะรอดตัว…หากจับได้ว่าสามีพูดโกหก ลองติดตามเรื่องต่อไปได้ว่าโกหกเรื่องอะไร เพราะอะไร เดี๋ยวเจอดีเอง
ความรักจืดจาง
ในเมื่อเขาต้องแบ่งปันความรักไปให้คน อื่นด้วย ใจเขาก็ไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว ตัวอยู่กับเรา ใจอาจไปไหนๆ แล้วก็ได้ การดูแลครอบครัวจะน้อยลง ความรับผิดชอบจะลดลง บางทีบางคนอาจจะเห็นอะไรในบ้านมันน่าเบื่อไปหมด…น้ำพริกถ้วยเก่ามันก็เซ็ง เป็นธรรมดา จะไปสดเหมือนน้ำพริกถ้วยใหม่ได้ยังไงล่ะครับ
แต่อาการทั้งหมดนี้เป็นแค่ลางเฉยๆ นะครับ จะไปสรุปเหมารวมเลยคงไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะว่าอ่านคอลัมน์หมออานนท์แล้วระแวงกันไปเกินกว่าเหตุ…ต้องจับ ได้คาหนังคาเขาถึงจะชัวร์มีเมียน้อยแน่แท้ สามีฉัน
พอสรุปได้ดังนี้..อันดับแรกก็ต้องใจเย็นๆ ไว้ก่อน แล้วลองทำตามนี้ก็แล้วกัน
ขออวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสุข ปราศจากส่วนเกินในชีวิต…ส่วนคนที่หลงผิด ขอให้คิดดูอีกทีว่า ไม่มีใครรักเราไปมากกว่าลูกกับเมียหรอกครับ