5 ด้านมืดของความสัมพันธ์ที่ไม่ว่ารักแค่ไหนก็ห้ามดันทุรังอยู่ต่อ
ในทุกๆ ความสัมพันธ์ย่อมมีทั้งเรื่องดีและเรื่องแย่ เจ้ว่านี่เป็นสัจธรรม แต่มันจะมีเรื่องแย่ๆ บางรูปแบบที่เข้าขั้น Dark Side และถ้าสาวๆ อย่างเราดันทุรังทนอยู่ต่อไปเพียงเพราะคิดว่ามันก็เป็นเหมือนเรื่องแย่ๆ เรื่องอื่นๆ นั่นแหละที่้ต้องผ่านไป สำหรับบางเรื่องมันก็ใช่ มันร้ายเดี๋ยวมันจะดี แต่สำหรับ 5 ด้านมืดของความรักต่อไปนี้ ไม่ว่าผู้ชายจะงานดีแค่ไหนก็ห้ามทนอยู่เด็ดขาด
1. หึงหวงเว่อร์มาก
อาการหวงนิดๆ หึงหน่อยๆ เป็นสิ่งที่ผู้ชายหลายคนมีอยู่ในสัญชาตญาณ ถ้าเขาแสดงออกในระดับที่พอให้เราชุ่มชื่นหัวใจและไม่เข้ามาละเมิดความเป็นส่วนตัวในชีวิตเราก็เป็นสิ่งที่สาวๆ อย่างเราพอจะทำความเข้าใจได้ แต่อาการหึงหวงแบบเว่อร์มากๆ ชนิดที่ห้ามเราไปไหนมาไหนกับเพื่อนต่างเพศ เช็กโทรศัพท์ถี่ยิบ ขอพาสเวิร์ดโซเชียลมีเดียทุกประเภท เลวร้ายถึงขั้นไปไหนต้องขออนุญาตจนถึงขั้นที่เราเกรงใจเขาและห่างออกจากเพื่อนฝูงในที่สุด
แม้เขาจะอ้างว่าเป็นความรัก แต่ซิสคิดดีๆ นะคะว่านี่คือด้านสว่างหรือด้านมืดของความรักกันแน่ ? ถ้าการอยู่ในความสัมพันธ์กับเขาแล้วเราต้องทิ้งทุกอย่างในชีวิต มันคุ้มค่าหรือไม่ ? อย่าปล่อยให้ความรักทำร้ายเราอีกเลยค่ะ
2. ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน
การเป็นผู้ชายไม่ใช่ข้ออ้างของความเจ้าชู้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้ว่าเขาไม่ได้มีเราแค่หนึ่งคน นั่นคือสัญญาณของความไม่เคารพและให้เกียรติกันขั้นสูง อย่าคิดว่าถ้าให้อภัยแล้วเขาจะปรับปรุงตัว อย่ายอมให้ตัวเองใจอ่อนกับการทำร้ายทำลายความรู้สึกกัน นี่คือด้านมืดที่ไม่สมควรมีใครต้องทนอยู่ต่อ ถ้าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราต้องให้เกียรติตัวเองมากๆ เข้าไว้ อย่าทนค่ะซิส
3. โทษเราได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่เขาผิดก็ตาม
“เพราะตัวเองไม่มีเวลาให้เค้า เค้าเลยต้องไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นไง” , “เพราะตัวเองชอบแต่งตัวสวยๆ เค้าเลยต้องคอยหึงตัวเองไง” หรือ “เพราะตัวเองยั่วโมโหเค้า เค้าเลยต้องด่าตัวเองแรงๆ ไง” เคยได้ยินประโยคทำนองนี้มาบ้างไหมคะ เมื่อฟังผิวเผินเราก็จุกและเกือบจะคิดว่านี่เป็นความผิดของเราจริงๆ
แต่ถ้าพิจารณาดีๆ ผู้ชายต่างหากที่ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น หึงหวงเราเกินเหตุ หรือด่าเราแรงๆ การกระทำเลวร้ายที่เป็นด้านมืดของความรักแบบนี้ยังไงก็ผิด เขาไม่ควรทำต่อเรา ไม่ว่าเขาจะอ้างว่าเราทำอะไรแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ความชอบธรรมที่เขาจะมาโทษเราได้ ถ้าเจอแบบนี้ไม่ควรทนนะคะสาวๆ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงนิสัยไม่ยอมรับความจริง ชอบโทษคนอื่น แต่ตัวเองทำเรื่องเลวร้ายได้หน้าตาเฉย
4. ด่าทอหยาบคายเสียหาย
เวลาโกรธใครก็อารมณ์แปรปรวนกันทั้งนั้น แต่ในความแปรปรวนมันย่อมแสดงตัวตนด้านมืดบางอย่างออกมา ถ้าอยู่ในระดับที่บึ้งตึงต่อกัน ขึ้น เ สี ย ง บ้างเราถือว่าเป็นแค่ระดับเรื่องร้ายๆ ที่เดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาโกรธแล้วขึ้นกูขึ้นมึง พ่นคำด่าเลวร้ายชนิดที่พ่อแม่ก็ไม่เคยใช้กับเรา อย่าทนต่อไปเด็ดขาด เพราะเท่ากับว่าเขาไม่เคารพและให้เกียรติเราเอามากๆ ถ้าคบกันยังด่าเรารุนแรงถึงเพียงนี้ ยิ่งคบแบบจริงจังมากขึ้นความอดทนต่อกันมีน้อยลงอาจพัฒนาเป็นความรุนแรงรูปแบบอื่นได้
5. ทำร้ายร่างกาย
การใช้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยระดับที่สิบ ไม่ว่าเขาจะมีข้ออ้างแบบไหน ผมโกรธมากไปหน่อย ผมสติหลุดไปนิด ฯลฯ เหตุผลจะดูฟังขึ้นแค่ไหนเราก็ไม่ควรทนกับด้านมืดสุดเลวร้ายอย่างการทำร้ายร่างกาย ถ้าเรายอมทนอยู่ต่อแม้อีกครั้งเดียว จากการเริ่มต้นที่กระชาก บีบแขนแรงๆ ผลัก อาจร้ายแรงถึงขั้นตบตี ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะผ่านพ้นไป แต่เป็นด้านมืดที่เราต้องรีบพาตัวเองออกมาจากความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด
5 พฤติกรรมเหล่านี้ เป็นด้านมืดของความรัก ที่เจ้เชื่อว่าสาวๆ บางคนต้องเคยเจอกับตัวเองมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งพฤติกรรม ซึ่งมันนำพาความเจ็บปวดมาให้เราอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นถ้ามันเกิดขึ้นครั้งแรก อย่ายอมให้มีครั้งต่อไป ไม่ว่าเราจะรักเขามากแค่ไหน แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าเราไม่รู้จักรักและเคารพตัวเองให้เป็น